บึงกาฬ จังหวัดเงียบๆเล็กๆ ที่หลายคนอาจยังมาเที่ยวไม่ถึงแบบเจาะลึก แต่ก่อนเหตุผลที่มาบึงกาฬ เพราะอยากมาเที่ยว ภูทอก สถานที่สุด unseen ขึ้นชื่ออันดับต้น จากนั้นก็จากลาออกนอกจังหวัดไม่ได้คิดจะไปที่อื่นต่อ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ได้จบแค่ภูทอกยังมีที่ไปต่อเพราะมีการพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวทั้งที่เก่าและที่ใหม่เพิ่ม กลายเป็น บึงกาฬ โฉมใหม่ ที่ไม่ได้มีดีแค่ภูทอก แต่ยังมีสถานที่สวยแปลกเกิดขึ้นอีกหลายแห่ง แถมได้เที่ยวครบเครื่องมาก
1. หลวงพ่อพระใหญ่ วัดโพธาราม
วัดโพธาราม ตั้งอยู่ที่บ้านท่าไคร้ หมู่ 5 ตำบลบึงกาฬ เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อพระใหญ่ พระพุทธรูปปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 2 ศอก 1 คืบ ( 5 ฟุต 4 นิ้ว ) ประดิษฐานบนแท่น 4 เหลี่ยม ซึ่งได้บูรณะขึ้นใหม่ใน พ.ศ. 2537 ชาวบึงกาฬได้จัดให้มีการสมโภชหลวงพ่อพระใหญ่ปีละ 2 ครั้ง คือประเพณีบุญเดือน 3 หรือบุญข้าวจี่ มีการถวายปราสาทผึ้งด้วย และประเพณีสรงน้ำหลวงพ่อพระใหญ่ จัดงานสัปดาห์หลังเทศกาลสงกรานต์
ที่อยู่ : อำเภอเมืองบึงกาฬ บึงกาฬ 38000
WEDSITE : www.m-culture.go.th
GPRS : https://goo.gl/maps/4KBCrvPMbKduvKR79
CR :https://jinnyz.com/place/579
2. ตลาดลาว
ตลาดลาว เป็นตลาดนัดของอำเภอเมืองบึงกาฬ มีเฉพาะวันอังคารและวันศุกร์ ที่เรียกว่าตลาดลาวเนื่องจากมีแม่ค้าจากฝั่งลาวนำของมาขายเป็นจำนวนมากทั้งพืชผัก อาหารแห้ง และอาหารสด โดยใช้ด่านประเพณี (จุดผ่อนปรน)
ที่อยู่ : ตลาดไทยลาว ต.บึงกาฬ อ.บึงกาฬ จ.บึงกาฬ 38000
เวลาเปิด-ปิด : 06:00 - 13:00
WEDSITE : https://thailandtourismdirectory.go.th
CR :https://2017.sadoodta.com/info/ตลาดชายแดนบ้านเปงจาน-ไทย-ลาว
3. ภูสิงห์ หินสามวาฬ
ภูสิงห์ อยู่ในเขตพื้นที่อนุรักษ์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงดิบ กะลา ป่าภูสิงห์ และป่าดงสีชมพู เนื้อที่ประมาณ 12,000 ไร่ สภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาหินทรายทอดตัวไปตามทิศเหนือ -ใต้ ครอบคลุมพื้นที่อำเภอศรีวิไลกับอำเภอเมืองบึงกาฬ มีทรัพยากรป่าไม้ที่คงสภาพสมบูรณ์ ภูเขาหินทรายบนภูสิงห์เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาของเปลือกโลกในลักษณะต่าง ๆ เกิดการเรียงตัวของก้อนหิน เกิดหน้าผา ถ้ำ กลุ่มหินรูปทรงต่าง ๆ ลานหิน กระจายทั่วภูสิงห์ ทำให้เกิดความงามตามธรรมชาติลักษณะต่างกันบนภูสิงห์ สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกในภูเดียวกันได้ มีจุดเด่นทางธรรมชาติที่สำคัญได้แก่ลานธรรมภูสิงห์ จุดชมวิวลานธรรม จุดชมวิวผาน้ำทิพย์ ถ้ำใหญ่ จุดชมวิวถ้ำฤๅษี สมรภูมิภูสิงห์ หินหัวช้าง หินช้าง หินรถไฟ ส้างร้อยบ่อ กำแพงหินภูสิงห์ และไฮไลต์ เช่น หินสามวาฬ หินมีลักษณะคล้ายปลาวาฬว่ายคลอเคลียกันพ่อ แม่ ลูก
ที่อยู่ : ตำบล โคกก่อง อำเภอเมืองบึงกาฬ บึงกาฬ 38000
เวลาเปิด-ปิด : 08:00 - 17:00
GPRS : https://goo.gl/maps/1h2HZGuqqdbCHDUW7
CR :https://fridayvacation.com/show/read/1/163/ที่เที่ยวบึงกาฬ-หินสามวาฬ-ในฤดูฝน
4. วัดสว่างอารมณ์ วัดถ้ำศรีธน
มีเนื้อที่ 40 ไร่ มีประวัติความเป็นมาเล่าว่า เดิมบริเวณนี้เป็นที่อยู่ของชาวบ้านปากคาด ซึ่งอพยพมาจากบ้านปากกล้วย แขวงเมืองปากซัน สปป. ลาว และเมื่อก่อนยังเป็นป่าดงดิบรกทึบเต็มไปด้วยสัตว์ป่านานาชนิด ซึ่งในแต่ละปีจะมีพระภิกษุธุดงค์มาอยู่เป็นประจำ เพราะเป็นสถานที่เงียบสงบ เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม ต่อมาพระอธิการ ดอน อินทสาโร หรือหลวงปู่ด่อน ซึ่งเป็นพระที่ชาวบ้านปากคาดเคารพนับถือได้สร้างวัดเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาและเจริญยิ่งขึ้นตามลำดับจนถึงปัจจุบัน เหตุที่เรียกกันอีกชื่อว่า “วัดศรีธน” นั้น สันนิษฐานว่า อาจจะเป็นเพราะว่าวัดแห่งนี้อยู่ใกล้กับเมืองเป็งจานนครราช ซึ่งเป็นเมืองของท้าวศรีธน ตั้งอยู่บริเวณลานหิน เนินเขาร่มรื่นด้วยต้นไม้และลำธารเล็ก ๆ ไหลผ่านบริเวณใต้โขดหินใหญ่ ภายในวัดประดิษฐานพระนอน ส่วนบนโขดหินมีอุโบสถทรงระฆังคว่ำ หากขึ้นไปถึงด้านบนสามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้ไกลจนถึงฝั่งลาว
ที่อยู่ : ตำบล ปากคาด อำเภอ ปากคาด บึงกาฬ 38220
เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน
โทร : 087-824-3883
GPRS : https://goo.gl/maps/wPkK7GUJsTEcTwAD9
CR :https://news.bungkan.org/2019/01/blog-post_24.html
5. ภูทอก วัดเจติยาคีรีวิหาร
ภูทอก ภาษาอีสานแปลว่า ภูเขาที่โดดเดี่ยว อยู่ในเขตบ้านคำแคน ตำบลนาสะแบง เป็นภูเขาหินทรายมองเห็นได้แต่ไกล ประกอบด้วยภูทอกใหญ่ และภูทอกน้อย แต่ก่อนบริเวณนี้เคยเป็นป่าทึบ มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่มากมาย พระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโฐ ได้เข้ามาจัดตั้งเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม เนื่องจากเป็นสถานที่เงียบสงบมาก ภูทอกน้อยเป็นที่ตั้งของวัดเจติยาคีรีวิหาร (วัดภูทอก) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการเดินเท้าขึ้นสู่ยอดภูทอก โดยต้องเดินไปตามสะพานไม้เวียนรอบเขาสูงชันจนถึงยอด สะพานไม้สร้างขึ้นด้วยแรงศรัทธาของพระ เณร และชาวบ้าน เริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ. 2512 ใช้เวลานานถึง 5 ปี บันไดที่ขึ้นสู่ยอดภูทอกนี้เปรียบเสมือนเส้นทางธรรมที่น้อมนำสัตบุรุษให้พ้นโลกแห่งโลกียะสู่โลกแห่งโลกุตระ หรือโลกแห่งการหลุดพ้นด้วยความเพียรพยายามและมุ่งมั่น ภูทอกยังคงเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมและปฏิบัติศาสนกิจของชุมชน บันไดขึ้นภูทอกแบ่งออกเป็น 7 ชั้น ไฮไลต์จะอยู่ที่ชั้น 5 ภูทอกน้อย
ที่อยู่ : วัดเจติยาคิรีวิหาร(วัดภูทอก) บ้านคำแคนพัฒนา หมู่ที่ 6 ตำบลนาแสง อำเภอศรีวิไล จังหวัดบึงกาฬ
เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน
GPRS : https://goo.gl/maps/FKvHgiWaYCGhAd5H9
CR : edtguide
6. น้ำตกเจ็ดสี
อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว ตั้งอยู่บ้านดอนเสียด ตำบลบ้านต้อง อำเภอเซกา น้ำตกเจ็ดสีเป็นน้ำตกที่สวยงามมาก โดยเฉพาะในฤดูฝน น้ำตกเกิดจากธารน้ำของห้วยกะอาม ไหลมาตามหน้าผาหินทรายสูงและแผ่กว้างเป็นทางยาว ละอองน้ำเมื่อกระทบกับแสงแดดทำให้เกิดเป็นสีรุ้ง จึงเรียกว่า น้ำตกเจ็ดสี
ที่อยู่ : ตำบล บ้านต้อง อำเภอ เซกา บึงกาฬ 38220
เวลาเปิด-ปิด : 08.30 -17.00
GPRS : https://goo.gl/maps/wpVxBaLYstmMiFXAA
CR : tiewplearn
7. บึงโขงหลง
เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาตินิเวศ และแหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่ มีลักษณะแคบและยาว มีเนื้อที่ 8,064 ไร่ น้ำในบึงลึกโดยเฉลี่ยประมาณ 0.05-1.0 เมตร ต้นน้ำของบึงโขงหลงเกิดจากภูวัวและภูลังกาไหลมารวมกัน เดิมเป็นลำน้ำแคบ ๆ ไหลลงลำห้วยฮี้ แล้วไหลลงสู่แม่น้ำสงคราม และไหลลงสู่แม่น้ำโขงในที่สุด เมื่อ พ.ศ. 2520 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริให้กรมชลประทานพิจารณาโครงการเก็บกักน้ำเพื่อการเกษตรในฤดูแล้ง ดำเนินการแล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2523 และได้ประกาศเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงโขงหลง เมื่อ พ.ศ. 2525 บึงโขงหลงได้ขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำระดับนานาชาติอันดับที่ 1,098 ของโลก (Wetland of International Importance) ในปี พ.ศ. 2544 มีพื้นที่กว่า 22 ตารางกิโลเมตร ยาว 13 กิโลเมตร กว้าง 2 กิโลเมตร เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์น้ำและพืชน้ำนานาชนิด พบนกน้ำกว่า 100 ชนิด รวมทั้งปลาบู่แคระที่หาดูได้ยาก บึงโขงหลงเป็นที่พักอาศัยของนกอพยพมากกว่า 30 ชนิด
ที่อยู่ : บึงโขงหลง ต.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ
เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน
GPRS : https://goo.gl/maps/FvtHmTdYMonVh9mp8
CR : touronthai
ฝากติดตามเพจ ReviewPromote มาสนุกกันได้นะคะ #กินเก่ง #เที่ยวเก่ง #ReviewPromote
รายละเอียดแจ้งไว้ในบทความ
แชร์บอกให้เพื่อนคุณรู้