Review By RP

เปิดว้าปย้อนอดีตสมัย รัชกาลที่ ๕ ณ เมืองมัลลิกา ร.ศ.๑๒๔

โดย: Review Promote
5 มีนาคม 2561 เวลา 14:19 ผู้เข้าชม: 2,247
ระดับความนิยม:
0
1
0

ตามที่เกริ่นนำแต่ตอนแรก หากอยากย้อนสมัยไปยังช่วงรัชสมัย รัชกาลที่ ๕ ง่ายนิดเดียวเพียงมาที่ เมืองมัลลิกา ร.ศ.๑๒๔ เอาจริงๆ แอดมินเพียงมาทำธุระที่จังหวัดกาญจนบุรี แต่ไม่แคล้วต้องมาลองเช็คอินสถานที่เที่ยวติดอันดับต้นๆ ของจังหวัด เพื่อมาพิสูจน์ว่าอดีตเป็นอย่างไร บรรยากาศเจ๋งขนาดไหน มาให้ลูกเพจได้ชม รีวิว ก่อนการตัดสินใจ....

สิ่งแรกเลยการเดินทางมายัง เมืองมัลลิกา ร.ศ.๑๒๔ นั้นไม่ยากอย่างที่คิด ใช้ Google Map ยังไงก็หาเจอ...เข้ามาก็พบกับกำแพงเมืองเด่น สีขาวเป็นสง่า โดยที่จอดรถต้องเบี่ยงไปทางขวาซึ่งเป็นลาดจอดรถเป็นระเบียบแล้วจึงค่อยเดินย้อนมาเริ่มต้นที่กำแพงเมือง

ก่อนที่จะเข้าไปยังกำแพงเมืองมัลลิกา ต้องทำการซื้อบัตรเพื่อเข้าชม ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับกำแพง โดยมีค่าใช้จ่ายดังนี้

ผู้ใหญ่ 250 บาท เด็กและผู้สูงอายุ* 120 บาท สำหรับค่าผ่านประตู 1 วัน

* เด็กสูง ต่ำกว่า 100 ซม. เข้าฟรี / สูงระหว่าง 100 - 130 ซม.- ราคาเด็ก / ผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป


แต่หากสนใจอยากซื้อเป็นชุด โดยมี อาหารเย็นพร้อมชมโชว์การแสดง 

ผู้ใหญ่ 700 บาท (รวมของที่ระลึก) เด็ก 350 บาท

เปิดบริการอาหารเย็นทุกวัน (ยกเว้นวันอังคาร) ตั้งแต่เวลา 18.00 - 20.00 น.


สำหรับแอดมินระดับนี้แล้ว ซื้อแบบธรรมดาจ้า... (สำหรับค่าเข้าถือว่าราคาสูงใช้ได้เลย แต่เอาเถอะไม่เข้าถ้ำเสือแล้วจะได้ลูกเสือได้อย่างไร)

เมื่อมาถึง ณ เมืองมัลลิกา ร.ศ. ๑๒๔ แล้วต้องมีการเปลี่ยนเครื่องแต่งกายกันนิดเพื่อให้เหมาะสมกับสถานที่ โดยทางนี้มีชุดไทยสมัยช่วง รัชกาลที่ ๕ ให้เช่าโดยมีค่าใช้จ่ายแตกต่างกันไปตามชุดที่ต้องการ รวมถึงอุปกรณ์แต่งกายอย่างจัดเต็ม อาทิ ชุดสไป ชุดกุยเฮง ชุดราชปะแตน ชุด ร.๕ เสื้อลูกไม้แขนหมูแฮม 

ในส่วนนี้แล้วแต่ความชื่นชอบส่วนบุคคล... (แต่หากใครมีชุดไทยอยู่แล้ว แนะนำนำมาแต่งเองได้เลยจ้า...ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย) 

**การแต่งกายจะบ่งบอกถึงยศ หรือฐานะของผู้สวมใส่...แนะนำเลือกตามต้องการเลยจ้า ว่าอยากสวมบทเป็นตัวอะไร ^^

เมื่อเข้าไปสามารถเลือกชุด และสีชุดตามที่ต้องการ โดยแขวนไว้ให้เลือกอย่างมากมาย (ไม่ต้องตกใจหากใส่ไม่เป็น จะมีพนักงานคอยดูแลช่วยเหลือ) อีกทั้งหากชุดใดมีร่มประกอบในชุด ก็สามารถเข้าไปเลือกสีร่มตามที่ใจปราถนา... (ร่มสำคัญมาก ถ่ายรูปดูสวยและเก๋มาก)

โดยชุดต่างๆ หลังจากเปลี่ยนสามารถนำเก็บไว้ในล็อคเกอร์ ก่อนออกไปเยี่ยมชม เมืองมัลลิกา .... 

ส่วนเรื่องเงินสำหรับค่าใช้จ่าย ได้ยินเพียงว่าต้องไปแลกเป็น เงินรู เท่านั้น!!! 

ตอนนี้บรรยากาศในห้องแต่งตัว เริ่มได้ยินเสียง เจ้าค่ะ และ ขอรับ บางเล็กน้อย....

ตอนนี้ น้องดีไซน์ นายแบบหลักของทีมงาน Review Promote ได้เลือกชุดที่อยากใส่ และเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว จึงขอเก็บภาพก่อนเข้าไปยังเมืองมัลลิกา

เมื่อเดินไปยังบริเวณหน้าประตูเมืองมัลลิกา สิ่งแรกที่สะดุดตาคือ รถเข็นเจ๊ก ...ซึ่งเป็นหนึ่งในอาชีพของคนจีนในสมัยนั้น ประมาณว่า แท๊กซี่ ตอนนี้แหละ แต่ขับเคลื่อนจากสองเท้า และสองมือพยุงรถเท่านั้น


อย่างที่สอง คือ ผู้หญิงในชุดสีขาว ลักษณะดูเฮี้ยบๆ แอดมินคิดว่าน่าจะเป็น จ่าโขลน นี้มีหน้าที่ราชการคล้ายตำรวจนครบาล คือ รักษาความสงบ แต่เป็นผู้หญิงเท่านั้น 


บรรยากาศเกี่ยวกับคำพูดทักทาย เป็นแบบไทยโบราณตลอดทั้งทางที่เดินผ่าน ... สารภาพตามตรงว่ายังคงไม่ชิน... แต่ไม่รู้ว่าด้านในจะเป็นเช่นไร...


ภาพที่เห็นด้านบนเรียกว่า สะพานหัน เป็นสะพานไม้โค้งกว้าง สองฟากสะพานมีห้องแถวเล็กๆ ให้ขายของ ส่วนตรงกลางเป็นทางเดิน ซึ่งสะพานนี้ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕ ชอบเสด็จประพาสเพื่อซื้อผลไม้แห้งที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ แต่ในส่วนนี้จะเป็นภาพเหมือนการจำลองร้านค้าสมัยก่อน พร้อมอุปกรณ์ที่ใช้งาน เช่น ตาชั่ง การวัดปริมาตร รวมถึงสินค้าต่างๆ เป็นต้น


ภายในเมืองมีป้ายแสดงพื้นที่ต่างๆ พร้อมแผนที่บอกจุดต่างๆ อย่างชัดเจน แต่หากเอาแบบง่ายๆ โดยแอดมินแยกเอง คือ โซนของกิน บ้านเรือนไทย และจุดชมวิวบนหอคอย ที่ห้ามพลาด...

เมื่อข้ามมาจาก สะพานหัน ก็จะมาพบกับย่านการค้า ที่ถูกจำลองว้าปในอดีต เป็นคล้ายๆ ตลาดตึกแถวสีสันมากมาย โดยมีชื่อ ย่านถนนแพร่งนรา, ถนนแพร่งภูธร, ถนนแพร่งสรรพศาสตร์ และ ย่านบางรัก 

แน่นอนเรามีเงินแต่ซื้อไม่ได้ เพราะที่นี้ใช้แต่ เงินรู เท่านั้น!!! โดยต้องไปแลกที่ แบงก์สยามกัมมาจล ค่าเงินเป็นสตางค์ คิด 1 สตางค์ = 5 บาท ซึ่งสินค้าต่างๆที่อยู่ดินแดนแห่งนี้เป็นหน่วยสตางค์เท่านั้นนะจ๊ะ.... (หากใช้ไม่หมด มาแลกคืนได้จ้า แต่บางคนก็ถือเก็บไว้เป็นที่ระลึกก็มี)

ผู้สนับสนุน

การทำขนมทองม้วน แบบโบราณ ซึ่งไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน...

ในส่วนกิจกรรม หรือการผลิตขนมต่างๆ สามารถเข้าไปสอบถาม หรือขอทดลองทำได้เลยจ้า... พนักงานทุกคนต่างๆ ใช้ถ้อยคำและการพูดจาเป็นอย่างสมัยก่อนได้อย่างดี... 

"เจ้าค่ะ"  "ขอรับ" "ประทานโทษนะขอรับ" "เชิญเลยเจ้าค่ะ" ...ตอนนี้แอดมินรู้สึกมึนๆ แถมแอบเขินนิดๆ เมื่อโดนทัก... แต่เวลาก็จะช่วยเอง สักพักก็จะเริ่มสนุกแบบไม่ต้องอาย แนะนำลองใช้ถ้อยคำแบบสมัยนั้นโต้ตอบกันเลย... สนุกอีกแบบ

อุปกรณ์ และวิธีการทำนั้นเรียกว่า ถอดแบบ จากอดีต มาให้เห็นกันอย่างชัดเจน เตาถ่าน กะทะทองเหลือง และไม้พายสำหรับเคี่ยว

สิ่งหนึ่งที่ห้ามพลาด!!! คือ การลองลิ้มขนมไทยของที่นี่...คือ ขนมชั้น ตอนแรกสารภาพคิดว่า รสชาติคงจะไม่ต่างอะไรกับตลาดแถวบ้าน เพราะปรกติก็ไม่ค่อยชอบขนมหวานเท่าไหร่ แต่พอได้ลองบอกเลยว่า "ต่าง" เพราะไม่ว่าจะเป็นความหอมกะทิ หรือส่วนผสมต่างๆ นั้นเรียกว่า หากินทั่วไปไม่ได้... อยากบอกว่าประมาณรสชาติแบบชาววัง แต่ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้ เลยไม่กล้าฟันธงจริงๆ สรุปได้คำเดียวว่า "อร่อยลิ้ม ละมุนลิ้นมาก"

ต่อมาได้ซื้อ ข้าวเหนียวสังขยา ห่อกลับบ้าน ที่แปลกใจเพิ่มเติมคือ มีช้อนจากกะลามะพร้าว มาให้ด้วย... เก็บรายละเอียดดีมาก (ไม่ได้ถ่ายภาพไว้ ต้องขออภัย)


ยิ่งมาได้พบเจอขนมแปลกตา เช่น “บุหลันดั้นเมฆ” ขนมชาววังที่ได้รับแรงบันดาลใจมากจากเพลงไทย “บุหลันลอยเลื่อน” ซึ่งเป็นเพลงพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 2 ลักษณะของตัวขนมจะใช้น้ำดอกอัญชันสีฟ้าครามแทนสีของเมฆในเวลากลางคืน และวางไข่แดงตรงกลางแทนดวงจันทร์ แอดมินบอกเลยแปลกดี...เกิดมาไม่เคยลอง


ต่อมาเดินทางเลาะเรื่อยๆ มาส่วน เรือนแพ ... ในส่วนนี้ของกินเพียบ แต่จะเน้นเป็นของหนัก เช่น กับข้าว ร้านอาหาร โดยสังเกตจะมีเรือจอดเต็มท่าไปหมด เป็นการบ่งบอกถึงวิถีชีวิตในสมัยนั้น


การส่งของ จะใช้ไม้ยื่นส่งต่อให้ โดยมีชามลายไก่ และช้อนสังกะสี ส่วนเฉาก๊วยยังคงใช้น้ำตาลทรายแดง รสชาติย้อนอดีตกันไปเลย...

ตลอดทั้งทาง น้องดีไซน์ จะโดยพนักงานทักทายว่า คุณหลวง ตลอดเวลา เนื่องจากชุดที่ใส่นั้นจะบ่งบอกถึงศักดินา ในจุดนี้แอดมินยอมรับในการฝึกฝนของทีมงานของมัลลิกา ร.ศ.๑๒๔ จริงๆ ว่าเก็บรายละเอียดดีมากๆ เพราะแอบสังเกตมาตั้งแต่เข้าเมือง

แนะนำทีเด็ดที่ห้ามสำหรับโซนเรือนแพ

ขนมจีนน้ำยากะทิปลาทับทิม เรียกว่า โดยส่วนตัวอร่อยมาก...กะทิหอมแตกมัน เนื้อปลาอัดแน่น ยังไม่รวมกับแกงเขียวหวาน และอื่นๆ ... เลยทำให้แอดมินไปสอบถามกับพนักงานภายในว่าทำไมอร่อยขนาดนี้...

ยังไม่รวม ข้าวกล้องหอมมะลิ ที่นึ่งร้อนๆ และมีรสชาติไม่เหมือนทั่วไป... (แอดมินกินไปหลายอย่าง อิ่มก่อนไม่งั้นจะลองให้หมด หากเพื่อนๆ ใครไปลองเมนูอื่นแล้วเป็นอย่างไรบอกด้วย อยากรู้เหมือนกัน)


สิ่งที่ได้รับคำตอบมา คือ ที่นี้เราจะทำอาหารเองทั้งหมด โดยมีครูที่มีประสบการณ์ในการทำอาหารแบบชาววัง ดังนั้น อาหารจะมีรสชาติแบบถึงเครื่องตามแบบสมัยโบราณ อีกทั้งรวมถึงวัตถุดิบต่างๆ ก็จะผลิตเองไว้ใช้แถบทุกอย่าง การปลูกข้าว การสีข้าว รำข้าวก็นำมาใช้เป็นอาหารสัตว์รวมถึงปุ๋ย อีกทั้งมะพร้าวทำการขูดและกากก็นำไปใช้เป็นฟืน เป็นต้น

โปรดสังเกตข้อความ ข้างล่างสุด "ไม่มีน้ำเปล่า" อีกสิ่งหนึ่งของที่นี่ คือ ไม่มีน้ำเปล่าขาย.... 

นี่คือคำตอบ เพราะคนไทยสมัยก่อนจะมีตุ่มเล็กๆ พร้อมกระบวย หรือขัน ไว้หน้าบ้าน สำหรับให้ใครที่ผ่านมาผ่านไป มากินน้ำได้เลย... ถือว่าเป็นน้ำใจของคนไทยอย่างแท้จริงในสมัยนั้น

สรุปที่ไม่มีน้ำเปล่าขาย เพราะไปตักกินเองกันได้เลยจ้า... ณ เมืองมัลลิกา ร.ศ. ๑๒๔ หากเห็นตุ่มหน้าบ้านใด เข้าไปดื่มน้ำได้เลย เพราะ ทั้งเมืองนี้ ไม่มีน้ำเปล่าขาย

สามารถให้อาหารควายเผือกใต้ต้นไทร โดยมีอยู่ 2 ตัว

ต่อมาแวะมาบ้านเรือนไทย เรือนคหบดี ซึ่งเป็นเรือนคนมีฐานะ แสดงวิถีความเป็นอยู่ของชนชั้นปกครองซึ่งจะมีกิจกรรมบนเรือน เช่น งานใบตอง งานดอกไม้ งานเครื่องแขวน เป็นต้น

เดินทางมายัง หอชมเมือง ซึ่งจะไปดูบรรยากาศด้านบนของเมืองมัลลิกากัน

ลักษณะของทางขึ้น หอชมเมือง จะเป็นบันไดวนไปจนสุดประตูของ หอชมเมือง

บรรยากาศมุมสูงของโซนต่างๆ ของเมืองมัลลิกา ไล่ตั้งแต่ เรือนแพ เรือนเดี่ยว เรือนคหบดี เรือนหมู่ และย่านการค้า 


ซึ่งสถานีต่อไปคือ เรือนหมู่ (ที่นี่ มีการจัดอาหารเย็นพร้อมการแสดง สำหรับผู้ซื้อบัตรรวมอาหาร) เดี๋ยว แอดมินจะพาไปดูว่ามีอะไรบ้าง....

ในระหว่างเดินทาง อยากกินน้ำ แต่ที่นี่ ไม่มีน้ำเปล่าขาย แอดมินเลยต้องซื้อน้ำตาลสด ไม่มีใส่ถุงแต่ได้เป็น กระบอกไม้ไผ่ บอกเลยว่าตอนนี้ย้อนอดีตสุดๆ หากอยากกินน้ำเปล่า ไปหาตุ่มน้ำเลย...ถูกจัดวางไว้ตามจุดต่างๆ 


ส่วนภาพตำรวจที่ยืนอยู่ตรงนั้น นั้นคือ จุดป้อมตำรวจ เป็นจุดอำนวยความสะดวกตรวจตราความเรียบร้อย (เอาจริงๆ เป็นจุดที่คนมาถ่ายภาพเก็บเป็นที่ระลึกเยอะมาก) ... ดินแดนแห่งนี้เก็บรายละเอียดดีจริงๆ 

เมื่อมาถึง เรือนหมู่ ถือว่าเป็นเรือนที่ไฮโซสุดๆ ในสมัยนั้น สำหรับต้อนรับแขกบ้าน แขกเมือง มีการจัดแสดงดนตรีไทย พร้อมการแสดงนาฏศิลป์ เพื่อสร้างความประทับใจ น้องดีไซน์ โชคดีได้มาเจอพี่พนักงานสอนเล่นดนตรีไทย ทีมงาน Review Promote เลยเก็บภาพมาให้ชม แต่ทุกครั้งก่อนเล่น และหลังเล่นจะมีการไหว้ พ่อแก่ บรมครูแห่งศิลปิน ทุกครั้ง 

ตอนนี้ก็เย็นมากๆ แล้ว ย่อมถึงเวลากลับไปสู่โลก ณ ปัจจุบัน.... ทีมงาน Review Promote ขอสรุปภาพรวมดังนี้

- การเดินทางหาไม่ยากหากขับรถมาเอง เปิด Google Map หากได้ง่ายไม่หลง

- ค่าใช้จ่ายในการเข้าชม ราคาอาจดูสูงไปนิด สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย ซึ่งคาดว่ามาทีไม่น่าต่ำกว่า 3-4 คน และหากรวมกับค่าเช่าชุดไทยอีกก็น่าจะประมาณ 300-500 บาท / คน

- อาหารของคาว และของหวาน อันนี้สั่งเลย ห้ามพลาด!!! มาแล้วไม่ได้กินถือว่าพลาด ราคาไม่สูงถือว่ารับได้

- น้ำเปล่า ไม่มีขาย มีแต่ตุ่มน้ำใจคนไทย จิบน้ำ ดับกระหายกันได้เลย ฟรี...

- บรรยากาศโดยรวมถือว่า ร่มรื่นย์ และพนักงานที่นี่ถือว่าสามารถละลายพฤติกรรมให้รู้สึกย้อนยุคได้เลย เจ้าค่ะ ขอรับ ตลอดเวลา แนะนำอย่าเขิน เล่นใหญ่ให้เต็มที่และจะสนุกมากๆ

- สำหรับงานถ่ายภาพ ถือว่ามีจุดให้ถ่ายภาพเยอะ เก๋ๆ สไตล์ไทยๆ 


หากเพื่อนๆ คนไหน ไปมาแล้วมีประสบการณ์อย่างไร มาแบ่งปันกัน... หากข้อมูลส่วนใดที่แอดมินเขียนตกหล่น หรือไม่ถูกต้องขออภัยล่วงหน้า สามารถแจ้งเพื่อแก้ไขข้อมูลได้จ้า.... อย่าลืมกดติดตามเพจ Review Promote กันด้วยนะ เดี๋ยวมีอัพเดท กิน เที่ยว ช้อป จะได้อัพเดทก่อนใคร

เมืองมัลลิกา ร.ศ.๑๒๔

เมืองมัลลิกา ร.ศ. ๑๒๔

ที่อยู่ : 168 หมู่ 5 ตำบลสิงห์ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี 71150

โทร : 034 540884-86

โทรสาร : 034 540883

Email : info@mallika124.com

เปิดทุกวัน เวลา 9.00–20.00 น.

คะแนนรีวิว:
ความน่าสนใจ:
สถานที่:
การเดินทาง:
ตั๋ว/บัตรเข้าชม:
คะแนนโดยรวม:
แผนที่

แชร์บอกให้เพื่อนคุณรู้

คอมเม้น

1 คอมเม้น
 5
5 มีนาคม 2561 เวลา 21:44:10
Chatchai Sreeunlee
เห็นขนมแล้วอยากกินมาก
เอาไปเลย 5 ดาว
Other Review by Review Promote

กฎการรีวิว

People who love what they do help
you get everything done at an
unbeatable value.

รีวิวโดยทีมงาน RP

What do you do best? Create your
Gig and start selling. It’s free, and
only takes 5 minutes.

ร่วมกิจกรรม

Your safety is our top priority. Secure
transactions and our safety team
protect you at all times.
เข้าสู่
ระบบ
เขียน
รีวิว
รีวิว
อัพเดท
Top 10
รีวิว
TOP
ติดต่อทีมงานเพื่อ
แนะนำรีวิวน่าสนใจ