รีวิวอื่นๆ

จัดการชีวิต-วางแผนการเงินผ่านมุมมองของโอม Cocktail

20 กรกฎาคม 2560 เวลา 21:10 ผู้เข้าชม: 147
0
0
0

ใครดู The Mask Singer season 2 ของช่อง Workpoint บ้างจ๊ะ  เป็นรายการที่นำนักร้องมาแข่งขันร้องเพลงแล้วเราต้องมานั่งเดาว่า  “ใครอยู่ภายใต้หน้ากาก”  อภินิหารเงินออมเพิ่งติดตามรายการนี้ได้ไม่นานก็ถึงขั้นติดงอมแงมกันเลยทีเดียว  ^^

 หลังจากที่หน้ากากหอยนางรมถูกเปิดเผยออกมาแล้วว่าเป็น “โอม Cocktail”  มันก็ยิ่งทำให้เราอยากรู้จักเขาให้มากขึ้น  เราอ่านเจอเรื่องราวชีวิตครอบครัวและเส้นทางการร้องเพลงของเขาจากสื่อทีวีและออนไลน์มากมาย  แต่มีอยู่คลิปหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกทึ่งกับแนวคิดของเขามากๆ นั่นก็คือ  “วิธี” เพื่อทำให้ทุกคนในวงมีสุขภาพทางการเงินที่แข็งแรง #สุดยอด ความคิดพี่หล่อมาก!!

 

จากคลิปการให้สัมภาษณ์ในรายการเจาะใจ ตอน จุดกลับใจ...โอม COCKTAIL  วันที่ 8 ก.ค. 60  คุณโอมเป็นนักวางแผนมากๆถึงขั้นวิเคราะห์ถึงอนาคตของวง  COCKTAIL ว่าจะเป็นอย่างไร วิธีการสร้างภูมิคุ้มกัน การสร้างทรัพย์สิน  รวมถึงการเก็บเงินเกษียณ  หลังจากฟังคลิปจบแล้วเราคิดว่าต้องนำมาเผยแพร่เพื่อเป็นประโยชน์ให้กับคนอื่นได้นำไปปรับใช้กับชีวิตของตัวเอง  เราสรุปออกมาได้ 3 เรื่องนะ

 

เรื่องที่ 1 รายได้

• ความคิดเห็นของโอมมองว่าอาชีพนักดนตรีมีรายได้ไม่แน่นอน  ได้รับเงินไม่เท่ากันทุกเดือน พอถึงจุดหนึ่งแล้วมันก็จะได้ลดลง  โด่งดังแล้วสร้างรายได้เต็มที่ประมาณ 15 ปี  ส่วนข้าราชการมีรายได้แน่นอนแล้วเงินเดือนขึ้นเรื่อยๆทุกปี

• นักดนตรีมีช่วงที่พีค(ได้รับความนิยมมากๆ) รายได้จะเข้ามามาก  หลังจากนั้นจะค่อยลดลงแล้วเก็บกินไปเรื่อยๆ เขาได้ยกตัวอย่างว่า  ถ้าเริ่มทำงานตั้งแต่อายุ 20 ปี เกษียณอายุ 60 ปี

    º นักดนตรีทำงานได้เงินเดือนละ 200,000 บาท ถ้าทำงาน 10 ปี มีเงิน 24,000,000 บาท

    º ข้าราชการมีเงินเดือนเฉลี่ย 20,000 บาท ถ้าทำงาน 40 ปี มีรายได้ 9,600,000 บาท

    º  ถ้าต้องใช้เงินตลอดชีวิตนักดนตรีมีรายได้ไม่คงที่และมีเวลาหาเงินที่สั้นกว่าข้าราชการ  จากรายได้ของนักดนตรี 24,000,000 บาท นั้นจะต้องหารด้วย 40  ทำให้รู้ว่าจริงๆแล้วแต่ละเดือนได้รับเงินเท่าไหร่ (24,000,000 / 40 =  600,000 บาทต่อปี เท่ากับ 50,000 บาทต่อเดือน)

• นักดนตรีไม่มีเงินบำนาญ จึงต้องวางแผนเรื่องเงินแบบต่างๆ เพื่อให้สมาชิกทุกคนในวงมีความเป็นอยู่ที่ดีไปตลอดชีวิต


ความคิดเห็นส่วนตัวและการนำไปปรับใช้

เชื่อว่าหลายคนอาจจะเคยเห็นนักดนตรีที่ดังเป็นดาวค้างฟ้าสร้างผลงานมีรายได้ดูแลตัวเองไปตลอดชีวิต   ในขณะที่อีกหลายๆคนต้องทนทุกข์ทรมานเพราะขาดรายได้หรือเงินหมดก่อนถึงบั้นปลายชีวิต  นี่เองที่เรียกว่าชีวิตมีขึ้น(สร้างรายได้) แล้วก็มีลง(ขาดรายได้)  จากเรื่องนี้มองย้อนกลับมาที่เรื่องของตัวเอง

อ้าว!! แล้วอาชีพของเราล่ะจะเป็นอย่างไรต่อไป  จะมีรายได้เข้ามาตลอดไปมั๊ย อนาคตจะมีหุ่นยนต์เข้ามาทำงานแทนที่เรารึเปล่า  ถ้ารอเป็นเป้านิ่งอย่างเดียวมันไม่ดีแน่ๆ  ตอนนี้ควรกลับมานั่งคิดกันแล้วว่าจะทำอย่างไร

• เราควรมีรายได้หลายทางเพื่อกระจายความเสี่ยงที่รายได้หลักหายไป หางานพิเศษเพิ่มรายได้ทางอื่นด้วย
• รายได้มีขี้นก็มีลง แม้ว่าตอนนี้เราอาจจะมีอาชีพที่มั่นคง มีรายได้แน่นอน แต่ต่อไปอาจจะไม่เป็นอย่างที่คิดไว้
•  ควรมองดูคนอื่นๆที่อยู่ในสายอาชีพเดียวกับเราว่าเป็นอย่างไร  ติดตามข่าวสารต่างๆตลอดเวลา เช่น  ดูแนวโน้มอาชีพที่กำลังจะหายไปและอาชีพที่กำลังจะเกิดใหม่ในอนาต  เพื่อจะได้ปรับตัวและพัฒนาตัวเองไปเส้นทางที่จะสร้างรายได้ในอนาคตต่อไปจ้า


ตัวอย่าง

งานที่กำลังจะหายไปเพราะมีเทคโนโลยีเข้ามาแทนที่ (ช่องสีแดง)  กับอาชีพใหม่ที่กำลังจะได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ (ช่องสีเขียว)  หากเราอยู่ในช่องอาชีพที่จะหายไปก็จะได้หาวิธีรับมือและเพิ่มทักษะอื่นๆเพื่อสร้างความแตกต่างหรือก้าวไปสู่อาชีพใหม่ต่อไป  ส่วนคนที่ทำอาชีพใหม่อยู่แล้วควรหาแนวทางใหม่ๆตลอดเวลา  ไม่ควรย่ามใจเพราะคนรุ่นใหม่ก็จะวิ่งไล่หลังเรามาเรื่อยๆนะจ๊ะ

เรื่องที่ 2 การสร้างทรัพย์สิน

• คุณโอมแนะนำให้สมาชิกทุกคนในวงจะต้อง “ซื้อบ้าน” เพื่อจะได้มีปัจจัย 4 ให้ครบ (ปัจจัย 4 คือ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค)
• เหตุผลที่แนะนำให้ซื้อบ้านเพราะถ้าชีวิตอยู่ในช่วงลำบาก อย่างน้อยก็จะขายบ้านออกมามีเงินใช้จ่ายได้
• ตอนนี้ทุกคนในวงมีบ้านครบทุกคนแล้ว


ความคิดเห็นส่วนตัวและการนำไปปรับใช้

 “เมื่อเราหาเงินได้แล้ว ควรเก็บรักษาเงินไว้ให้ได้ด้วย”

 

อาชีพนักดนตรีมีรายได้สูง แต่ถ้าใช้ไม่ระวังก็หมดได้เหมือนกัน  ไม่ต่างจากอาชีพอื่นๆ บางคนคิดว่าตัวเองหาเงินได้เยอะมาก  เงินหมดเดี๋ยวก็หาใหม่ได้อีก อีกคนก็คิดว่าชีวิตคนเรามันสั้น  ไม่จำเป็นจะต้องเก็บเงินก็ได้ -_-!!

 

มันเป็นแนวคิดที่อันตรายมากๆ เพราะวันนี้มีรายได้  พรุ่งนี้อาจจะไม่มีรายได้ แล้วถ้าบังเอิญอายุสั้นจริงๆ  เสียชีวิตไปก่อนที่จะจ่ายหนี้หมด  นี่แหละอภิมหาดราม่าจะเกิดขึ้นกับคนในครอบครัวที่จะต้องรับมรดกหนี้สินแทนเรา  ควรเก็บสะสมเงินไว้จะได้ไม่เป็นภาระคนอื่นน่าจะดีกว่านะจ๊ะ

 

วิธีการเก็บเงินในรูปแบบที่อยู่อาศัยนั้นก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่ได้ประโยชน์หลายอย่าง เช่น

    • ถ้าจำเป็นต้องใช้เงินก็สามารถขายบ้านเอาเงินมาใช้ได้  แต่มีข้อควรระวัง คือ บ้านใช้เวลาขายค่อนข้างนาน  เราจะต้องมีเงินสำรองไว้ส่วนหนึ่งเพื่อรอวันที่จะขายบ้านได้
    • คนทำธุรกิจใช้ที่อยู่อาศัยมาค้ำประกันเป็นเงินมาหมุนเวียนในกิจการได้ หรือปรับปรุงเป็นห้องพักเพื่อปล่อยเช่า (ดูกฎหมายควบคุมอาคารด้วยนะจ๊ะ)
    • สามารถนำบ้านมาแบ่งเบาภาระหนี้ได้ เช่น มีหนี้สินบัตรหลายใบ ทั้งบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสด  อาจจะใช้วิธีรวมหนี้ไว้ที่เดียวกันโดยใช้บ้านแลกเงิน  เพื่อนำเงินมาปิดหนี้บัตรทั้งหมด จากดอกเบี้ย 20-28% ลดเหลือ 3-9%  เราจะได้รับดอกเบี้ยเท่าไหร่นั้นขึ้นอยู่กับเครดิตของตัวเอง  (อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.Refinn.com  โปรแกรมสินเชื่อลดภาระหนี้บ้านแลกเงิน)


นอกจากบ้านแล้วก็ยังมีทางเลือกในการเก็บเงินแบบอื่นๆอีก  ซึ่งแต่ละคนจะแตกต่างกันไปตาม “เป้าหมายทางการเงิน” ของตัวเองว่าคือ อะไร  เท่าไหร่ เมื่อไหร่ โดยเริ่มจากตั้งเป้าหมายทั้งในระยะสั้น  กลางและยาวขึ้นมาก่อนว่ามีอะไรบ้าง  หลังจากนั้นค่อยจับคู่ให้ตรงกับแหล่งเก็บเงิน

 

ตัวอย่าง

เราต้องการเก็บเงินฉุกเฉินให้ได้ 100,000 บาท  ควรเก็บไว้ในที่ที่เงินต้นของเราปลอดภัย มีความเสี่ยงต่ำ ถอนออกง่ายๆ เช่น  ออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูง กองทุนรวมตลาดเงิน

เรื่องที่ 3 กองทุนเกษียณ

• กองทุนเกษียณเริ่มต้นทำปี 60 เป็นปีแรก
•  ทุกครั้งที่ได้เงินจากการรับงานก็จะหักค่าตัวส่วนหนึ่งของสมาชิกวง Cocktail  ไว้ในกองทุนนี้ แล้วมีข้อตกลงว่า “จนกว่านิติบุคคลนี้จะเลิกกัน”  เรียกง่ายๆ ว่า วงนี้เป็นนิติบุคคล ถ้าวงไม่ยุบก็ไม่ต้องแบ่งเงิน
• เก็บเงินส่วนนี้ไว้ที่ธนาคาร ถ้าจะนำมาลงทุนอะไรก็ทำได้ แต่จะต้องมีลายเซ็นครบทั้ง 4 คน มันจะต้องเป็นเอกฉันท์

ความคิดเห็นส่วนตัวและการนำไปปรับใช้

จากบทสัมภาษณ์ของคุณโอมเขากังวลว่านักดนตรีไม่มีเงินบำนาญ  ถ้าต้องการให้ทุกๆคนในวงมีชีวิตเกษียณลั้นลาได้ก็จะต้องทำอะไรสักอย่าง  นอกจากให้ทุกคนซื้อบ้านแล้วยังสร้างเงินบำนาญให้ตัวเองด้วยการตั้ง  “กองทุนเกษียณ” ที่เป็นเงินกองกลางของทุกคน  ซึ่งเป็นการวางแผนระยะยาวให้ทุกคนในวงมีเงินเกษียณเป็นของตัวเอง  นับว่าเป็นเรื่องราวดีๆที่ทุกคนควรทำตาม

ส่วนมนุษย์เงินเดือนกับฟรีแลนซ์สามารถสร้างกองทุนเกษียณเป็นของตัวเองได้ โดยเริ่มต้นจากสิ่งที่มีก่อนแล้วค่อยหาการลงทุนอื่นๆเข้ามาเสริม เพื่อเห็นภาพชัดเจนขึ้นขอแบ่งคนทำงานออกเป็น 2 กลุ่ม คือ มนุษย์เงินเดือนกับฟรีแลนซ์

ผู้สนับสนุน

1. มนุษย์เงินเดือน

    • ข้าราชการ : มีกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)  ที่มีความเสี่ยงหลายระดับให้เลือกลงทุน  เราอาจจะเพิ่มเงินสะสมเข้าไปให้มากขึ้นหรือปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับตัวเอง  เพื่อสร้างผลตอบแทนให้สูงขึ้น (อ่านข้อมูลแผนการลงทุนสำหรับสมาชิก กบข.  คลิกที่นี่ )

    • พนักงานเอกชน : ทุกบริษัทจะมีประกันสังคม  (มาตรา 33) คุ้มครองกรณีชราภาพกับ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ  (มีบางบริษัทเท่านั้น) เราสะสมได้ 2-15% ของรายได้  แล้วบริษัทก็จะจ่ายเงินสมทบเข้ามาให้ด้วย  ปัจจุบันเราสามารถจ่ายเงินสะสมได้มากกว่าที่บริษัทสมทบแล้วนะจ๊ะ  แต่ก็ต้องถามฝ่าย HR ก่อนว่ากองทุนที่บริษัทมีอยู่นี้ทำได้มั๊ย  แล้วเรายังเลือกได้อีกว่าจะลงทุนที่ความเสี่ยงต่ำ  ปานกลางหรือสูงเพื่อสร้างผลตอบแทนให้มากขึ้นได้อีกด้วย  (อ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความ “สร้าง 1 ล้านแรกกับกองทุนสำรองเลียงชีพ”  คลิกที่นี่ )


2. ทำงานฟรีแลนซ์

ถ้าลาออกจากงานประจำมาทำฟรีแลนซ์ ควรสมัครและส่งประกันสังคมต่อไป (มาตรา  39) ก็จะมีการคุ้มครองกรณีชราภาพอยู่ด้วย  แต่ถ้าเราไม่เคยมีความคุ้มครองอะไรเลย ก็สามารถสมัครเข้ากองทุน กอช.  เพื่อสร้างเงินเกษียณให้ตัวเองได้ เราเคยเขียนเรื่อง กอช.  ไว้แล้วอ่านได้ที่บทความ ชาติช่วย! รวยด้วยกองทุนการออมแห่งชาติ คลิกที่นี่

 

จาก 2 ข้อข้างบนเราเห็นแล้วว่าทุกอาชีพก็จะมีกองทุนเกษียณของตัวเอง  แต่มันก็ยังมีจำนวนน้อยและยังไม่เพียงพอที่จะใช้ในอนาคตหลังเกษียณได้  ดังนั้น  เราควรเสริมทัพด้วยการสร้างเงินเกษียณขึ้นมาเองจากทางเลือกต่างๆที่มีในปัจจุบัน  ตามความเสี่ยงที่เรารับได้ เช่น

    • สร้างรายได้จากค่าเช่า (ให้เช่าที่ดิน ให้เช่าห้อง ให้เช่าอุปกรณ์สิ่งของ)
    • รายได้จากค่าลิขสิทธิ์
    • กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)
    • ประกันชีวิตแบบบำนาญ


อภินิหารเงินออมไม่อยากให้แนวคิดที่มีประโยชน์เรื่องวางแผนการเงินของหน้ากากหอยนางรมเป็นเพียงบทความทั่วไปที่อ่านแล้วส่งต่อให้เพื่อนเท่านั้น  ควรใส่แคปชั่นและ #เริ่มทำทันที พร้อมกับสิ่งที่อยากทำเพิ่มเข้าไปด้วย  เรากับเพื่อนจะเริ่มทำข้อใดข้อหนึ่งหรือว่าทำทุกข้อพร้อมกันก็ได้  แค่นี้ก็เป็นกำลังใจให้อภินิหารเงินออมแล้วว่าสิ่งที่ตั้งใจเขียนไปทั้งหมดนี้มีประโยชน์และทำให้ชีวิตของผู้อ่านมีเงินออมเพิ่มขึ้นจริงๆ  จุ๊บๆ

ขอขอบคุณแหล่งที่มาคือ

http://money.sanook.com/498607/

แชร์บอกให้เพื่อนคุณรู้

คอมเม้น

0 คอมเม้น

กฎการรีวิว

People who love what they do help
you get everything done at an
unbeatable value.

รีวิวโดยทีมงาน RP

What do you do best? Create your
Gig and start selling. It’s free, and
only takes 5 minutes.

ร่วมกิจกรรม

Your safety is our top priority. Secure
transactions and our safety team
protect you at all times.
เข้าสู่
ระบบ
เขียน
รีวิว
รีวิว
อัพเดท
Top 10
รีวิว
TOP
ติดต่อทีมงานเพื่อ
แนะนำรีวิวน่าสนใจ