อาหาร-เครื่องดื่ม

ใช้ยาอย่างไร..ให้ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ!!

โดย: kirijung kawasaki
10 มิถุนายน 2560 เวลา 15:32 ผู้เข้าชม: 648
ระดับความนิยม:
1
2
0
ผู้สนับสนุน

  ยาเป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์  ใช้รักษาให้หายป่วยและทำให้ร่างกายรู้สึกดีขึ้นจากอาการเจ็บป่วยได้  ซึ่งยาก็มีหลายชนิด รักษาโรคแตกต่างกันไป  มีวิธีการใช้ที่แตกต่างกันตามแต่ประเภท  สิ่งสำคัญที่ควรตระหนักไว้อยู่เสมอก็คือ  ยาทุกชนิดใช้เพื่อประโยชน์การรักษาโรคจริง แต่ก็มีอันตรายได้เช่นกัน  หากว่าเราใช้ยาไม่ถูกต้อง หรือใช้โดยไม่ระมัดระวัง  อาจทำให้เกิดโรคอื่นแทรกซ้อนและทำให้เกิดอันตรายได้  เพื่อให้มีประสิทธิภาพและปลอดภัยได้ในคราวเดียวกัน จึงมีความรู้เกี่ยวกับการใช้ยามาบอกกันครับ

วิธีการปฏิบัติเพื่อ ลดความเสี่ยงและได้รับประโยชน์จากการใช้ยาอย่างสูงสุด
1. ใช้ยาให้ถูกโรค ควรปฏิบัติดังนี้
     1) ใช้ให้ถูกโรค คือ ใช้ยาให้ตรงกับโรคที่เป็น เวลาซื้อยาต้องซื้อกับแพทย์ เภสัชกร เพื่อบอกรายละเอียดเกี่ยวกับตัวเรา เช่น
          - อาการที่เป็นอย่างละเอียด
          - ประวัติการแพ้ยา
          - ระหว่างนี้ได้รับประทานยาหรืออาหารเสริมอื่นๆ ชนิดใดบ้าง
          - ผู้หญิงที่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร  ควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบทุกครั้ง  เพราะยาบางตัวนั้นส่งผลกระทบถึงลูกในครรภ์หรือไหลออกมาพร้อมกับน้ำนมแม่ก็ได้
          - มีข้อจำกัดบางประการในการใช้ยา เช่น  มีปัญหาเกี่ยวกับการกลืนยาหรือกลืนยาได้ยาก  แพทย์หรือเภสัชกรจะได้เปลี่ยนรูปแบบยาเพื่อให้สะดวกในการรับประทานมากขึ้น  หรือมีอาชีพที่ต้องใช้สมาธิ ขับรถเดินทางไกล  ทำงานกับเครื่องจักรซึ่งอันตราย จึงไม่สามารถทานยาที่ทำให้ง่วงได้
          - หากมีข้อสงสัยหรือไม่เข้าใจ ควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกรให้ละเอียด ซึ่งจะเป็นการหลีกเลี่ยงในการใช้ยาผิดๆ ได้ 

 2) ทำความรู้จักกับยาที่ใช้ให้มากที่สุด เช่น
      - จำชื่อสามัญทางยาและชื่อทางการค้าของยาให้ได้  เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการใช้ยาที่คุณแพ้  ลดการใช้ยาซ้ำซ้อนและได้รับยาเกินขนาด
      - ให้จำลักษณะของยา เช่น สี กลิ่น รูปร่างของเม็ดยา เป็นต้น  เมื่อสภาพของยาเปลี่ยนแปลงไปจากเริ่มแรก เช่น สีเปลี่ยน ควรหลีกเลี่ยง
การใช้ยาดังกล่าวเพราะยาเสื่อมสภาพอาจก่อให้เกิดอันตรายได้
      - ฟังอธิบายการใช้ยาจากเภสัชกรให้เข้าใจ เช่น รับประทานเวลาใด  จำนวนเท่าไร และควรรับประทานต่อเนื่องนานแค่ไหนเมื่ออยู่ในสถานการณ์  ใดที่ควรหยุดยาและผลข้างเคียงหลังจากรับประทานยา 

 3) อ่านฉลากยาและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
     - ให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจวิธีการใช้ยาอย่างถูกต้องแล้ว หากไม่เข้าใจอย่างไรควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
     - อ่านฉลากยาทบทวนความเข้าใจ
     - เก็บยาในสถานที่ และอุณหภูมิที่เหมาะสมตามที่ระบุบนฉลากของยา
     - ไม่ควรเก็บยาต่างชนิดกันไว้ในภาชนะเดียวกัน เพราะอาจเกิดการปนเปื้อน   ควรหาถุงแยกออกจากกันและไม่ควรเก็บยาสำหรับใช้ภายในและภายนอกไว้ใกล้เคียงกัน  เพราะอาจเกิดการสันสบในการใช้ได้ 

 4) หลีกเลี่ยงปฏิกิริยาระหว่างกันของยา
     - ปรึกษาแพทย์ เภสัชกร หรือผู้เชี่ยวชาญว่ายาที่คุณรับประทาน มีปฏิกิริยาระหว่างยา อาหาร เครื่องดื่ม หรือ อาหารเสริมหรือไม่
     - ทุกครั้งที่จะได้รับยามาใหม่ ควรนำยาเดิมที่รับประทานอยู่  ไปแสดงให้แพทย์หรือเภสัชกร  ได้ตรวจสอบและจัดยาใหม่ไม่ให้ซ้ำซ้อนกันและได้ยาที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด 

 5) ตรวจสอบผลของยาที่จะเกิดขึ้นและอาการข้างเคียงจากการใช้ยา
    - ควรทราบวิธีการใช้ยา เพื่อลดอาการข้างเคียง เช่นควรรับประทานยาหลังรับประทานอาหารทันที เพื่อลดอาการปวดท้อง
    - ให้ความสำคัญกับอาการต่างๆ ของร่างกาย หากมีสิ่งใดผิดปกติควรรีบปรึกษาแพทย์
    - รู้ว่าควรจะปฏิบัติตนอย่างไรเมื่อเกิดอาการข้างเคียงจากการใช้ยา 

2. ใช้ยาให้ถูกเวลา ควรปฏิบัติดังนี้

     - การรับประทานยาก่อนอาหาร ต้องรับประทานยาก่อนอาหารอย่างน้อย 30 นาที  ถึงหนึ่งชั่วโมง เพื่อให้ยาถูกดูดซึมได้ดี ถ้าลืมกินยาในช่วงดังกล่าว  ก็ให้รับประทานเมื่ออาหารมื้อนั้นผ่านไปแล้วอย่างน้อย 2 ชั่วโมง  เพราะจะทำให้ยาถูกดูดซึมได้ดี

     - การรับประทานยาหลังอาหาร โดยทั่วไปจะให้รับประทานยาหลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้วประมาณ 15-30 นาที

     - การรับประทานยาหลังอาหารทันที หรือพร้อมอาหาร  ให้รับประทานยาทันทีหลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว  หรือจะรับประทานยาในระหว่างที่รับประทานอาหารก็ได้  เพราะยาประเภทนี้จะระคายเคืองต่อกระเพาะมาก  หากรับประทานยาในช่วงที่ท้องว่าง อาจทำให้กระเพาะเป็นแผลได้

     - การรับประทานยาก่อนนอน ให้รับประทานยาก่อนเข้านอนตอนกลางคืนประมาณ 15-30 นาที

     - การรับประทานยาเมื่อมีอาการ ให้รับประทานยาเมื่อมีอาการของโรค เช่น ยาลดน้ำมูก ยาแก้ไอ และยาลดไข้ แก้ปวด

 3. ใช้ยาให้ถูกขนาด ควรปฏิบัติดังนี้
    ควรรับประทานให้ถูกขนาดตามที่แพทย์หรือเภสัชกรสั่ง จึงจะให้ผลดีในการรักษา และควรใช้อุปกรณ์มาตรฐานในการตวงยา
วิธีการแบ่งยา  

 สำหรับยาเม็ด
    1) กรณียามีเส้นแบ่งตรงกลาง ให้หงายเม็ดยาด้านที่มีเส้นแบ่งขึ้นด้านบน  จับปลายทั้งสองข้างของเม็ดยา โดยให้เส้นแบ่งอยู่ตรงกลางระหว่างนิ้วทั้งสอง  แล้วออกแรงหักโดยดันขึ้นบน  ในกรณียาเม็ดที่ไม่มีเส้นแบ่งเม็ดและไม่ได้เป็นยาเม็คเคลื่อบสามารถหักโดยวิธีนี้เช่นกัน  โดยให้แน่ใจว่าออกแรงกดที่ปลายทั้งสองข้างของเม็ดยาพร้อมๆ และเท่าๆ กัน
    2) กรณียาเม็ดเคลือบฟิล์ม และไม่มีเส้นแบ่งคงจะต้องใช้เครื่องแบ่งยา หรืออาจใช้กรรไกรคมๆ ตัด
    3) ห้ามใช้มีดในการแบ่งเด็ดขาด  เพราะส่วนใหญ่ยาที่แบ่งโดยใช้มีดจะได้ยาสองส่วนที่ขนาดไม่เท่ากัน  หรือบางทียาอาจกระเด็นหายไปเพราะแรงกดกระแทกของมีด 

 สำหรับยาน้ำ 
    ขนาดในการรับประทานมักระบุเป็น ช้อนชา ช้อนโต๊ะ  ซึ่งก็มักจะไม่ใช่ช้อนที่ใช้ชงกาแฟ หรือหากต้องใช้  สามารถเปรียบเทียบหน่วยมาตรฐานดังนี้
      1 ช้อนชา (มาตรฐาน) = 5 มิลลิลิตร = 2 ช้อนกาแฟ (ในครัว) = 1 ช้อนกินข้าว
      1 ช้อนโต๊ะ (มาตรฐาน) =15 มิลลิลิตร = 6 ช้อนกาแฟ (ในครัว) = 3 ช้อนกินข้าว
       - ใช้หลอดฉีดยาในการตวงโดยมีรายละเอียด ดังนี้ 2/3 ช้อนชา = 3.4  ซ๊ซี , ¾ ช้อนชา = 3.8 ,1/4 ช้อนชา = 1.25 ซีซี  ก่อนจะตวงควรสังเกตการแบ่งสัดส่วนของหลอดฉีดยาที่จะใช้ให้ถูกต้องก่อน  เพราะขนาดของหลอดที่ต่างกันก็ให้ความละเอียดที่ต่างกันด้วย 

 4. ใช้ยาให้ถูกวิธี
    1) ยาที่ใช้ภายนอกได้แก่ ขี้ผึ้ง ครีม ยาผง ยาเหน็บ  ยาหยอด  มีข้อดีคือมีผลเฉพาะบริเวณที่ให้ยาเท่านั้นและมีการดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้น้อย  จึงไม่ค่อยมีผลอื่นต่อระบบในร่างกาย  แต่มีข้อเสียตรงที่ใช้ได้ดีกับโรคที่เกิดบริเวณพื้นผิวร่างกายเท่านั้น  และฤทธิ์ของยาอยู่ได้ไม่นาน โดยมีวิธีการใช้ดังนี้ เช่น
     - ยาใช้ทา ให้ทาเพียงบางๆ เฉพาะบริเวณที่เป็นหรือบริเวณที่มีอาการ ระวังอย่าให้ถูกน้ำล้างออกหรือถูกเสื้อผ้าเช็ดออก
     - ยาใช้ถูนวด นำมาทาและถูบริเวณที่มีอาการเบาๆ
     - ยาใช้โรย ก่อนที่จะโรยยาควรทำความสะอาดแผล  และเช็ดบริเวณที่จะโรยให้แห้งเสียก่อน ไม่ควรโรยยาที่แผลสด  หรือแผลมีน้ำเหลือง เพราะผงยาจะเกาะกันแข็งและปิดแผล  อาจเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคภายใน แผลได้
     - ยาใช้หยอด จะมีทั้งยาหยอดตา หยอดหู หยอดจมูกหรือพ่นจมูก  

     2) ยาที่ใช้ภายใน  ได้แก่ ยาเม็ดยาผง ยาน้ำ ข้อดี คือ สะดวก ปลอดภัย และใช้ได้กับยาส่วนใหญ่  แต่มีข้อเสียคือ  ออกฤทธิ์ได้ช้าและปริมาณยาที่เข้าสู่กระแสเลือดอาจแตกต่างกันตามสภาพการดูดซึม  โดยมีวิธีการใช้ดังนี้
     - ยาเม็ดที่ให้เคี้ยวก่อนรับประทาน ได้แก่  ยาลดกรดและยาขับลมชนิดเม็ดทั้งนี้เพื่อให้เม็ดยาแตกเป็นชิ้นเล็ก  จะได้มีผิวสัมผัสกับกรดหรือฟองอากาศในกระเพาะอาหารได้มากขึ้น
     - ยาที่ห้ามเคี้ยวให้กลืนลงไปเลย ได้แก่ ยาชนิดที่เคลือบน้ำตาล  และชนิดที่เคลือบฟิล์มบางๆ จับดูจะรู้สึกลื่น  ยาดังกล่าวเป็นรูปแบบที่ออกฤทธิ์เนิ่นนาน ต้องการให้ยาเม็ดค่อยๆ  ละลายทีละน้อย
     - ยาแคปซูล เป็นยาที่ห้ามเคี้ยวให้กลืนลงไปเลย ข้อดีคือรับประทานง่าย เพราะกลบรสและกลิ่นของยาได้ดี
     - ยาผง มีอยู่หลายชนิด และใช้แตกต่างกันควรศึกษาจากฉลากยาให้ดี เช่น  ตวงใส่ช้อนรับประทานแล้วดื่มน้ำตาม หรือชนิดตวงมาละลายน้ำก่อน  และยาผงที่ต้องละลายน้ำในขวดให้ได้ปริมาตรที่กำหนดไว้  ก่อนที่จะใช้รับประทาน
      - ยาน้ำแขวนตะกอน (Suspension) เช่น ยาลดกรดต้องเขย่าขวดให้  ผงยาที่ตกตะกอนกระจายเป็นเนื้อเดียวกัน จึงรินยารับประทาน  ถ้าเขย่าแล้วตะกอนยังไม่กระจายตัว แสดงว่ายานั้นเสื่อมคุณภาพแล้ว
     - ยาน้ำใส เช่น ยาน้ำเชื่อม ต้องเขย่าขวดก่อนใช้ ถ้าเกิดผลึกขึ้น หรือเขย่าแล้วไม่ละลาย ไม่ควรนำมารับประทาน
     - ยาน้ำแขวนละออง (Emulsion) เช่น น้ำมันตับปลา  ยาอาจจะแยกออกให้เห็นเป็นของเหลว 2 ชั้น  เวลาจะใช้ให้เขย่าจนของเหลวเป็นชั้นเดียวกันก่อน จึงรินมารับประทาน  ถ้าเขย่าแล้วยาไม่รวมตัวกันแสดงว่ายานั้นเสื่อมคุณภาพแล้ว 

     ข้อควรระวัง : สำหรับอาการแพ้ยา  หากกินยาแล้ว มีอาการผิดปกติใดๆเกิดขึ้น เช่น มีผื่นคันตามตัว  มีจ้ำที่ผิวหนัง หน้ามืด แน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก หรือใจสั่น ให้หยุดยา  และรีบพบแพทย์ทันที 

     เพราะการใช้ยามีอันตรายควบคู่ไปกับคุณประโยชน์  แต่การปฏิบัติตนเพื่อลดอันตรายจากการใช้ยานั้นสามารถทำได้  ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลยนะคะ  การใช้ยาให้ถูกต้องด้วยการอ่านฉลากยาให้เข้าใจและสอบถามจากแพทย์หรือเภสัชชกร  และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เป็นเรื่องที่ละเลยไม่ได้จริงๆ เลยครับ

แชร์บอกให้เพื่อนคุณรู้

คอมเม้น

2 คอมเม้น
 5
13 มิถุนายน 2560 เวลา 23:48:30
Chatchai Sreeunlee
ขอบคุณมากๆ ครับ
13 มิถุนายน 2560 เวลา 23:49:06
Chatchai Sreeunlee
เยี่ยมมากครับ
จะรอติดตามบทความอื่นๆ
Other Review by kirijung kawasaki

กฎการรีวิว

People who love what they do help
you get everything done at an
unbeatable value.

รีวิวโดยทีมงาน RP

What do you do best? Create your
Gig and start selling. It’s free, and
only takes 5 minutes.

ร่วมกิจกรรม

Your safety is our top priority. Secure
transactions and our safety team
protect you at all times.
เข้าสู่
ระบบ
เขียน
รีวิว
รีวิว
อัพเดท
Top 10
รีวิว
TOP
ติดต่อทีมงานเพื่อ
แนะนำรีวิวน่าสนใจ