รีวิวอื่นๆ

วิธีแก้ริมฝีปากแห้งแตก

27 พฤษภาคม 2560 เวลา 16:27 ผู้เข้าชม: 1,376
0
0
0

ริมฝีปากแห้งมากเกิดจากอะไร ?

ริมฝีปากแห้ง

ริมฝีปากสวยอิ่มเอิบ  นับว่าเป็นสัญลักษณ์ที่ช่วยดึงดูดเพศตรงข้ามได้เช่นเดียวกับหน้าอก  ดังนั้นคุณผู้หญิงวัยสาวนอกจากจะดูแลริมฝีปากเพื่อความพึงพอใจของตนเองแล้ว  ยังต้องดูแลเพื่อให้เป็นที่น่าพอใจของเพศตรงข้ามด้วย  การที่มีปัญหาปากแห้งแตกหรือลอกเป็นขุย  ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในฤดูหนาวแต่บางครั้งปัญหาริมฝีปากแห้งก็อาจขึ้นในฤดูอื่น  ๆ ได้เช่นกัน เพราะสาเหตุที่ทำให้เกิดริมฝีปากแห้งแตกนั้นมาจากหลายปัจจัย  ดังนี้


สาเหตุทำให้ริมฝีปากแห้ง

  1. อากาศ  เช่น ในฤดูหนาวที่มีลมพัด  ความชื้นจากริมฝีปากจึงถูกอากาศดูดและพัดพาออกไป,  อากาศร้อนบวกกับลมที่พัดแรง มีผลทำให้ริมฝีปากขาดความชุ่มชื้น,  ถูกความร้อนจากแสงแดดเป็นเวลานาน  รังสีอัลตราไวโอเลตจะเป็นตัวทำลายความยืดหยุ่นของเซลล์  ทำให้ผิวบริเวณริมฝีปากแห้งและแตกได้,  ผู้ที่อยู่ในห้องแอร์ที่อากาศเย็นและแห้ง  คนทำงานในออฟฟิศจะทราบดีว่าปัญหาดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นได้ทุกฤดู เป็นต้น
  2. การเลียริมฝีปาก การเลียริมฝีปากบ่อย ๆ รวมถึงการเม้มปาก เอนไซม์ที่ช่วยในการย่อยอาหารที่อยู่ในน้ำลายสามารถทำลายความชุ่มชื้นบนริมฝีปากได้
  3. การดื่มน้ำน้อยเกินไป  ก็เป็นสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้ริมฝีปากแห้งได้ครับ  เพราะร่างกายต้องได้รับน้ำเพื่อรักษาความชุ่มชื้นของร่างกาย  ยิ่งในบริเวณริมฝีปากที่สูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่ายแล้ว  คุณจึงต้องคอยดื่มน้ำเพื่อรักษาความชุ่มชื้นอยู่เสมอ
  4. การขาดสารอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการขาดวิตามินซีจนทำให้เป็นโรคลักปิดลักเปิด ขาดวิตามินบีจนทำให้เป็นโรคปากนกกระจอก ขาดวิตามินแล้วทำให้ปากแห้ง ผิวหยาบ
  5. อาการผิดปกติของร่างกายต่าง ๆ  เช่น อาการร้อนใน  เนื่องจากอาการร้อนในจะทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากขึ้นรวมทั้งริมฝีปากด้วย  (แก้ได้ด้วยการดื่มน้ำตะไคร้หอม ที่มีสรรพคุณช่วยแก้อาการร้อนใน กระหายน้ำ  หลีกเลี่ยงอาหารเค็มจัดและอาหารที่มีกรดหรือมีรสเปรี้ยว)  เมื่อรับประทานผักผลไม้เสร็จแล้ว แต่ไม่ได้ล้างปากให้สะอาด  อีกสาเหตุหนึ่งที่หลาย ๆ คนคาดไม่ถึง  เพราะกรดในผลไม้เอเอชเอจะเข้าไปทำลายความชุ่มชื้นที่ริมฝีปาก  รวมทั้งเมื่อสัมผัสกับแสงแดดก็จะทำให้ริมฝีปากดำคล้ำขึ้นอีกด้วย
  6. วัยที่มากขึ้น เช่น วัยสูงอายุ วัยทอง ซึ่งต่อมเหงื่อ ต่อมไขมันจะทำงานได้น้อยลง จึงทำให้บริเวณริมฝีปากแห้งตามไปด้วย เพราะน้ำลายก็ไม่ค่อยมี
  7. ริมฝีปากอักเสบจากภูมิแพ้ผิวหนัง ที่จะมีอาการคันบริเวณข้อพับเรื้อรังและผิวแห้ง และอาจทำให้เกิดริมฝีปากแห้งลอกร่วมด้วย
  8. ลิปสติก  ที่มีส่วนผสมทำให้เกิดปัญหา เช่น สี กลิ่น น้ำหอม ลาโนลิน  สารให้ความชุ่มชื้น สารกันแดด สารกันบูด menthol  หรือโลหะที่ผสมอยู่ในลิปสติก สังเกตได้ง่าย ๆ  ว่าถ้าคุณเปลี่ยนลิปสติกแล้วมีปัญหาปากแห้งแตกในทันที  ก็มั่นใจได้เลยว่าสาเหตุมาจากลิปสติก ซึ่งการใช้ลิปบาล์มจนติดเป็นนิสัย  เพราะสารสำคัญที่ผสมอยู่ในลิปบาล์มทั่วไปจะมีคุณสมบัติดูดความชื้นของริมฝีปาก  จนทำให้คุณต้องทาลิปบาล์มอยู่บ่อย ๆ
  9. ยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปาก  ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์หรือแอลกอฮอล์ในปริมาณสูง  (พบได้บ่อยว่าทำให้เกิดอาการแพ้) สารทำให้เกิดฟอง  สารที่มีรสเผ็ดซ่าในยาสีฟัน และสารสร้างความสดชื่น  สิ่งเหล่านี้ก็ทำให้ปากแตกได้เช่นกัน  โดยมักเกิดขึ้นร่วมกับการมีแผลในช่องปาก  ส่วนมากแล้วจะเกิดขึ้นเมื่อคุณเปลี่ยนไปใช้ยาสีฟันยี่ห้อใหม่  รวมไปถึงน้ำยาบ้วนปากที่เกิดจากการแพ้สารแต่งรส แต่งกลิ่น menthol
  10. สาเหตุอื่น ๆ  เช่น ยาทาเล็บและเล็บ acrylic ในรายที่มีนิสัยชอบกัดเล็บ, ยาบางชนิด เช่น  ยาแก้แพ้ ยาลดน้ำมูก  หรือยาจำพวกความดันก็มีผลข้างเคียงทำให้ปากแห้งได้เช่นกัน,  แพ้อาหารบางประเภท เช่น เปลือกส้ม แคร์รอต มะม่วง มังคุด ลางสาด สับปะรด  กะหล่ำดอก ขิง ข่า กระเทียม ผอม ผักชี สะระแหน่, แพ้โลหะหรือวัตถุทั่วไป,  แพ้แสงแดด, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์, การสูบบุหรี่, โรคผิวหนังบางชนิด เป็นต้น


วิธีรักษาริมฝีปากแห้ง

  1. หาสาเหตุของปัญหา  โดยทั่วไปแล้ววิธีการแก้ริมฝีปากแห้งแตกก็ไม่ได้ยากอะไรเลย  วิธีการก็ไม่ซับซ้อน  เพียงแค่คุณสำรวจดูว่าปัญหาปากแห้งแตกนั้นเกิดมาจากสาเหตุใดดังกล่าว เช่น  หน้าหนาว เกิดจากการดื่มน้ำน้อย ชอบเลียริมฝีปากตัวเอง ฯลฯ  เมื่อพบต้นตอของปัญหาแล้วก็ให้ทำการแก้ไขที่ต้นเหตุนั้น  ไม่นานนักปัญหาดังกล่าวก็จะคลี่คลายไปได้เอง  ที่นี้เรามาดูกันดีกว่าในข้อถัดไปว่าเราสามารถแก้ริมฝีปากแห้งแตกได้อย่างไรบ้าง
  2. เลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง  โดยหลีกเลี่ยงการเลียปาก เม้มปาก หรือแกะลอกริมฝีปาก  เลี่ยงสภาวะแวดล้อมที่มีผลต่อริมฝีปาก เช่น แสงแดด หรืออากาศเย็น ๆ แห้ง ๆ  ส่วนลิปบาล์มนั้นก็ไม่ควรทาเป็นประจำ (แนะนำให้ทาตอนที่ปากแห้งมากจริง ๆ)  รวมไปถึงการหลีกเลี่ยงสารสัมผัสที่อาจทำให้เกิดอาการแพ้ เช่น  ลิปสติกหรือยาสีฟัน โดยการปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ที่มีผลต่อริมฝีปากของคุณ  อย่างลิปสติกให้เลือกใช้สีอ่อน ๆ เพราะปริมาณเม็ดสีจะน้อยกว่าแบบสีเข้ม  ส่วนยาสีฟันจะหันมาใช้ยาฟันที่เป็นสมุนไพร มีฟองน้อยก็ดีเหมือนกัน  หรือเลือกใช้ให้เหมาะกับเราเป็นหลักครับ
  • ดื่มน้ำเป็นประจำ  โดยดื่มให้เพียงพอวันละ 8-10 แก้ว และทำอย่างสม่ำเสมอ  จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ทุกส่วนของผิวหนังรวมทั้งริมฝีปาก  อาการริมฝีปากแห้งจะค่อยดี ๆ ขึ้นเอง และยิ่งอายุที่เพิ่มมากขึ้น  เซลล์ในร่างกายก็จะยิ่งเก็บความชุ่มชื้นได้น้อยลง  ยิ่งจำเป็นต้องดื่มน้ำให้เพียงพอ แต่น้ำในที่นี้ไม่ได้รวมถึงน้ำหวาน  น้ำอัดลม ชา กาแฟ และน้ำผลไม้นะครับ พวกนี้มันช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นไม่ได้
  • ริมฝีปากก็ต้องผลัดเซลล์ผิว  หากว่าคุณปากแห้ง แต่ยังไม่มีอาการปากแตก  นั่นอาจมาจากมีเซลล์ผิวหนังตายแล้วเกาะอยู่บนริมฝีปากก็เป็นได้  เมื่อปล่อยให้ปากแห้งมากจนเกินไป ก็อาจทำให้เรียวปากมีขุยขาว ๆ ลอก ๆ  เกาะอยู่ และอาจทำให้เกิดอาการคล้ำของริมฝีปากได้ตามมา  แต่คุณสามารถกำจัดมันออกไปด้วยการใช้สครับสำหรับริมฝีปาก  ถ้าเป็นสูตรทำเองก็ให้ใช้น้ำตาลทรายแดง 1 ส่วน น้ำผึ้ง 1 ส่วน  และน้ำมันมะกอกอีก 1 ส่วน นำมาผสมให้เข้ากัน แล้วนำส่วนผสมที่ได้มาสครับเบา  ๆ เพื่อลอกเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วออกไป  หรือถ้าไม่มีคุณอาจจะใช้แปรงสีฟันขนนุ่ม ๆ ขัดริมฝีปากเบา ๆ  ก็ได้หลังการแปรงฟันเสร็จ (แต่อย่าทำบ่อย ๆ ล่ะ  เพราะเดี๋ยวปากจะยิ่งแห้งไปกันใหญ่)  หลังจากนั้นก็ให้ทาลิปบาล์มบำรุงอีกหนึ่งขั้นตอนด้วย

ทาลิปบาล์มเป็นประจำ  (Lip balm) ในระหว่างการรักษาคุณควรหาลิปบาล์มมาทาเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น  ไม่ควรแกะเการิมฝีปากหรือแผลที่แห้งแตกเป็นสะเก็ด ไม่เลียริมฝีปาก  อย่างยี่ห้อที่ผมจะแนะนำก็มีดังนี้ค่ะ

  • Vasalinelip therapy rosy Lips  กระปุกจิ๋ว ๆ สูตรกลิ่นกุหลาบแบบหอมอ่อน ๆ เนื้อมีสีชมพูอ่อน ๆ  ทาแล้วปากดูมีสุขภาพดี แต่เนื้อจะข้นและเหนอะกว่าวาสลีนแบบปกติ (Valseline  Pure Petroleum jelly) เล็กน้อย  จึงช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นไว้บนริมฝีปากได้ดี (กระปุกขนาด 7 กรัม  ราคาประมาณ 200 บาท)

LUCAS’ PAPAW OINTMENT  ลิปบาล์มสัญชาติออสเตรเลีย ช่วยบำรุงริมฝีปากได้ดีมาก ๆ  เหมาะกับคนที่ผิวแพ้ง่าย เป็นบาล์มที่ใช้ทาได้ครอบจักรวาลมาก  ตั้งแต่ริมฝีปากแห้ง ข้อศอกด้าน เข่าด้าน แมลงสัตว์กัดต่อย  แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก จะซื้อไว้ติดบ้านก็ไม่เสียหาย  แม้จะหาซื้อได้ยากหน่อยก็ตาม (หลอด 25 กรัม ราคาประมาณ 220-300 บาท)

CARMEX everyday healing lip balm  อีกหนึ่งแบรนด์ที่สาว ๆ ชอบมาก  แต่เปิดดมกลิ่นครั้งแรกอาจรู้สึกเหมือนกลิ่นยาหม่อง แต่พอใช้ไปเท่านั้นแหละ  ติดใจเลยล่ะ ! เพราะของเขาดีจริง ตอนใช้ไปช่วงแรก ๆ อาจจะยังไม่ค่อยชิน  ปากมันจะรู้สึกเย็น ๆ ปากเจ่อนิด ๆ แต่ถ้าใช้ไปเรื่อย ๆ  สุขภาพริมฝีปากจะดีขึ้น ผิวเริ่มเนียน ไม่แห้งแตก  และที่สำคัญริมฝีปากเหมือนจะเปลี่ยนเป็นสีอมชมพูด้วยล่ะ (ขนาด 7.5 กรัม  ราคาประมาณ 150 บาท)

BURT’S BEES Nourishing LIP BALM with Mango Butter  อีกหนึ่งแบรนด์ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของลิปบาล์ม หลาย ๆ คนอาจชอบใช้ตัวนี้  เพราะมีกลิ่นหอม ให้ความชุ่มชื้นได้ดีมาก ๆ  เวลาทาไประหว่างวันจะไม่รู้สึกว่าปากแห้งมากนัก ต่อให้เช็ดปากออกแล้วก็ตาม  คุณภาพจัดว่าคุ้มกับราคาค่ะ (ขนาด 4.25 กรัม ราคาประมาณ 260-280 บาท)

ผู้สนับสนุน

MENTHOLATUM Lip Pure  มีหลายกลิ่นให้เลือกตามชอบใจ ได้แก่ กลิ่นน้ำผึ้ง กลิ่นส้ม  และสูตรไม่มีกลิ่น ทั้งสามกลิ่นจะเป็นลิปแคร์เนื้อ wax  ไม่มีสีและไม่ใส่สารกันเสีย มีลักษณะเป็นแท่งไม่เหลวหรือแห้งจนเกินไป  พอทาไปบนปาก แรก ๆ จะมันวาวเล็กน้อย  ทิ้งไว้สักครู่ปากก็จะดูชุ่มชื่นและเนียนนุ่ม เห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้  แต่ถ้าอยากให้ปากเนียนนุ่มก็ต้องใช้ไปตลอดและทาเป็นประจำ (ราคาแท่งละประมาณ  90 บาท)

สีผึ้งแม่เลียบ  ตัวช่วยยามฉุกเฉินในยามที่ริมฝีปากแห้งหนัก ๆ วันไหนปากแห้งแตกเป็นขุย ๆ  เป็นแผลด้วยหน่อย ๆ แถมมีเลือดไหลออกซิบ ๆ โบกตัวนี้ได้เลยครับ  (แนะนำให้ควักมาบี้ ๆ ปลายนิ้ว แล้วค่อย ๆ แปะ ๆ ริมฝีปากให้ทั่ว  ไม่แนะนำให้ใช้วิธีป้าย) ปากจะเรียบเนียนสวยอมชมพูอย่างแน่นอน  แต่มีข้อเสียอยู่อย่างคือ กลิ่นจะค่อนข้างแรง  เมื่อทาแล้วอาจรู้สึกเหมือนได้กลิ่นธูปหน่อย ๆ  และเรื่องของเนื้อจะค่อนข้างหนืดหน่อย จึงแนะนำให้ทาเฉพาะก่อนนอนค่ะ  (หาซื้อได้ตามร้านขายเครื่องสำอางสมุนไพรหรือร้านขายสังฆภัณฑ์ ราคาประมาณ  15-20 บาท)

ลิปมันเภสัช ถูกและดีมีอยู่จริง  !! ตลับสีชมพูมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ เคยปากแห้งแล้วเอาลิปตัวนี้แหละมาทา  ผลออกมาจากริมฝีปากแห้งแตกกลับกลายเป็นริมฝีปากเรียบเนียนอมชมพู  หลายคนใช้แล้วชอบมาก (กระปุกจิ๋ว ๆ ราคาประมาณ 10-15 บาท) (ภาพ :  pantip.com by Aoei-Aoei)

ส่วนในบางรายอาจต้องใช้ยาทาในกลุ่มสเตียรอยด์  ซึ่งมีฤทธิ์ลดการอักเสบร่วมด้วย แต่ควรใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์  เพราะยาเหล่านี้อาจมีผลข้างเคียงได้ หากนำมาใช้ไม่ถูกต้อง


  • ทาด้วยออยล์หรือน้ำมันที่สกัดจากธรรมชาติ ก็สามารถช่วยทำให้ปากชุ่มชื้นได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งก็มีอยู่หลายชนิดครับ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันละหุ่ง น้ำมันมะกอก น้ำมันสกัดจากเมล็ดทานตะวัน โจโจบาออยล์  ฯลฯ เหล่านี้สามารถนำมาใช้บรรเทาอาการริมฝีปากแห้งแตกได้ทั้งนั้น  วิธีการใช้ก็เพียงแค่นำคอตตอนบัดมาจุ่มลงในออยล์  แล้วนำมาทาริมฝีปากพร้อมกับนวดเบา ๆ  เพื่อให้ออยล์ซึมและเคลือบไปทั่วริมฝีปาก
  • ทาริมฝีปากด้วยอโลเวร่าเจล  เป็นที่ทราบกันดีว่าอโลเวล่าหรือว่านหางจระเข้นั้น  มีคุณสมบัติในการบำรุงรักษาเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว  แทนที่เราจะเลือกใช้ในรูปของครีมอโลเวร่าหรือลิปบาล์มผสมอโลเวร่า  ลองหันมาใช้เจลอโลเวร่า 100% ทาริมฝีปากแทนดูสิ  ซึ่งวิธีนี้จะเป็นการบำรุงแบบธรรมชาติและสามารถช่วยบรรเทาอาการปากแห้งแตกได้  (ภาพเจลว่านหางจระเข้ขององค์การเภสัช : pantip.com by ทะเล ต้นไม้ ใบหญ้า)

รักษาแผลเรียวปากแห้งแตกด้วยน้ำผึ้งแท้  น้ำผึ้งมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโรคอ่อน ๆ  มันจึงสามารถนำมาใช้รักษาบาดแผลริมฝีปากที่แห้งแตกและลอกจนแสบได้ดี  วิธีการก็ง่าย ๆ เพียงแค่คุณใช้คอตตอนบัดจุ่มน้ำผึ้งแท้  จากนั้นนำมาทาบนริมฝีปากทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วจึงค่อยใช้ผ้านุ่ม ๆ  ชุบน้ำอุ่นเช็ดออก แต่ถ้ารู้สึกว่ามันยุ่งยากเกินไป จะกินเข้าไปเลยก็ได้นะ  เพราะมีประโยชน์ หากทำเป็นประจำ  แผลแห้งลอกที่ทำให้รู้สึกเจ็บแสบจะบรรเทาลงภายในไม่กี่วัน

น้ำอุ่นผสมเกลือ  ในรายที่ปากแห้งแตกจนลอกเป็นขุย ๆ ให้คุณใช้น้ำอุ่นผสมกับเกลือป่นเล็กน้อย  จากนั้นใช้สำลีชุบให้เปียกพอหมาด ๆ แล้วใช้ปากคาบทิ้งไว้ประมาณ 3-5 นาที  หรือจะไล่เช็ดเบา ๆ ก็ได้ให้ทั่วริมฝีปาก ก็จะช่วยทำให้ขุยต่าง ๆ  หลุดลอกออกมาได้ค่ะ

  1. เลือกรับประทานอาหารให้ถูกหลัก  หันมารับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบี เช่น ธัญพืชไม่ขัดขาว  (ข้าวกล้อง), ผักใบเขียว (ผักโขม บรอกโคลี คะน้า), ถั่วเปลือกแข็ง  (เมล็ดอัลมอนด์ ถั่วลิสง เมล็ดมะม่วงหิมพานต์) รวมไปถึงอาหารที่มีวิตามินเอ  วิตามินซี ซึ่งพบได้มากในผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ แคร์รอต ผักใบเขียวต่าง ๆ  โยเกิร์ตรสธรรมชาติ เพื่อช่วยทำให้ริมฝีปากมีสุขภาพดีขึ้น  รับประทานอาหารที่มีซัลเฟอร์สูงอย่างไข่ กระเทียม และหน่อไม้ฝรั่ง  เพื่อช่วยทำให้ผิวพรรณรวมทั้งริมฝีปากดูสดชื่นและเต่งตึง  ส่วนอาหารเสริมก็ช่วยได้เช่นกันครับ  เป็นอีกวิธีที่จะช่วยทำให้ริมฝีปากดูเปล่งปลั่งและมีสุขภาพดีขึ้นได้จากภายใน  อย่างอาหารเสริมที่มีโอเมก้า 3 วิตามินเอ และวิตามินบี  เพียงแค่คุณรับประทานให้ได้ในปริมาณที่เหมาะสม  ก็จะช่วยทำให้ริมฝีปากชุ่มชื้นขึ้นได้  ยังไงก็ลองปรึกษาเภสัชกรเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติมดูค่ะ

เชื่อเถอะว่าไม่มีใครปรารถนาอยากเห็นริมฝีปากที่แห้งแตกเป็นขุยของคุณอย่างแน่นอน  ดังนั้นการหันมาดูแลริมฝีปากของตัวเองอย่างจริงจัง  จะช่วยทำให้คุณดูดีมีเสน่ห์มากขึ้นจนเป็นที่สะดุดตาอย่างแน่นอน สรุปทิ้งท้ายไว้ละกัน  ขั้นตอนหลัก ๆ ก็เริ่มจากเลิกจับ แกะ เม้ม และเลียริมฝีปาก ดื่มน้ำให้มาก ๆ  ทาลิปมันยี่ห้อที่ชอบทุกครั้งที่ปากเริ่มแห้ง หลังการแปรงฟัน  ถ้าปากมีคราบขาว ๆ ก็ให้สครับออกเบา ๆ ก่อนนอนก็โบกลิปมันก่อนนอนทุกคืน ถ้าทำได้ตามนี้รับรองหายแน่นอนค่ะ ล้านนนน %%%

แชร์บอกให้เพื่อนคุณรู้

คอมเม้น

0 คอมเม้น

กฎการรีวิว

People who love what they do help
you get everything done at an
unbeatable value.

รีวิวโดยทีมงาน RP

What do you do best? Create your
Gig and start selling. It’s free, and
only takes 5 minutes.

ร่วมกิจกรรม

Your safety is our top priority. Secure
transactions and our safety team
protect you at all times.
เข้าสู่
ระบบ
เขียน
รีวิว
รีวิว
อัพเดท
Top 10
รีวิว
TOP
ติดต่อทีมงานเพื่อ
แนะนำรีวิวน่าสนใจ
http://www.reviewpromote.com/post/215/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%9D%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B8%81?select_lg=th