ท่องเที่ยว

40 สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่น ที่ทำให้คุณต้องไปแล้วไปอีก

โดย: kirijung kawasaki
12 พฤษภาคม 2560 เวลา 08:32 ผู้เข้าชม: 501
0
0
0

ประเทศญี่ปุ่นนอกจากความน่าสนใจด้านความเจริญก้าวหน้าแล้ว  ก็ยังเป็นประเทศที่มีลักษณะทางภูมิประเทศที่ค่อนข้างพิเศษแตกต่างจากประเทศอื่นๆของโลก  คือมีลักษณะเป็นเกาะที่มีเทือกเขาสูงมากกว่า 75% ของพื้นที่  มีอุณภูมิและสภาพอากาศในแต่ละฤดูกาลที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนทั้งหมด 4 ฤดู  ผนวกกับศิลปะและวัฒนธรรมที่โดดเด่นของประเทศนี้ ทำให้มีสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆที่น่าสนใจมากมาย  กระจายตัวกันอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งแม้จะเป็นสถานที่เดียวกัน  แต่ก็ยังมีมนเสน่ห์และความสวยงามที่แตกต่างกันไปในแต่ละฤดูกาลด้วย

ในบทความนี้เราจะรวมเอาสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจต่างๆทั่วประเทศญี่ปุ่นมาให้ชมกันทั้งหมด 40   แห่ง ซึ่งก็มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายประเภท แตกต่างกันไปทั้งศิลปะวัฒนธรรม  ธรรมชาติ  และแหล่งช้อปปิ้งต่างๆ เราไปดูกันเลยดีกว่าว่าที่เที่ยวเจ๋งๆในประเทศญี่ปุ่นจะมีอะไรบ้าง


1. ศาลเจ้าจิ้งจอกแดง(Fushimi Inari Shrine)

ที่ตั้ง: เมืองเกียวโต(Kyoto) ภูมิภาคคันไซ(Kansai)

ศาลเจ้าจิ้งจอกแดงเป็นศาลเจ้าที่มีความสำคัญมากแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น มีชื่อเสียงโด่งดังมาจากประตูโทริอิ  (Torii Gate)  หรือเสาประตูสีแดงที่เรียงตัวกันข้างหลังศาลเจ้าจำนวนหลายหมื่นต้นจนเป็นทางเดินได้ทั่วทั้งภูเขาอินาริทำให้เป็นภาพที่แปลกตาจึงไม่แปลกที่จะได้รับการโหวตให้เป็นสุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวของประเทศญี่ปุ่นตามเว็บไซต์ท่องเที่ยวต่างๆอยู่ตลอดเวลา


2. วัดคินคะคุจิหรือวัดทอง(Kinkakuji)

ที่ตั้ง: เมืองเกียวโต(Kyoto) ภูมิภาคคันไซ(Kansai)

วัดคินคะคุจิหรือวัดทองเป็นหนึ่งในวัดที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเมืองเกียวโต  เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศญี่ปุ่น  มีอาคารไม้ที่ทาสีทองอยู่ริมบึงน้ำ  ที่โดดเด่นและสวยงามกว่าที่ไหนๆในญี่ปุ่น  ซึ่งจะมีความสวยงามแตกต่างกันไปในแต่ละฤดู ทั้งสวนดอกซากุระ หิมะขาวโพลน  ใบไม้แดง และสีเขียวชอุ่มในฤดูร้อน  นอกจากนี้ภายในวัดยังมีสวนสไตล์ญี่ปุ่นขนาดใหญ่ที่สวยงามให้เดินชมกันด้วย


3. ปราสาทฮิเมจิ(Himeji Castle)

ที่ตั้ง: เมืองฮิเมจิ(Himeji) ภูมิภาคคันไซ(Kansai)

ปราสาทฮิเมจิเป็นหนึ่งในปราสาทที่ยิ่งใหญ่และสวยงามมากที่สุดของประเทศญี่ปุ่น  เป็น 1 ใน 4 ปราสาทที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก้(UNESCO)   มีอาณาบริเวณกว้างขวางรวมทั้งสวนที่มีต้นซากุระที่สวยงามมากจนติดหนึ่งในสถานที่ชมดอกซากุระบานที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศเลยทีเดียว


4. หมู่บ้านหลังคาโบราณ ชิราคาวะโกะ (Shirakawa-go)

ที่ตั้ง: เมืองโทยาม่า(Toyama) ภูมิภาคชุบุ(Chubu)

หมู่บ้านหลังคาโบราณ ชิราคาวะโกะเป็นหมู่บ้านมรดกโลก(UNESCO)  ที่มีชื่อเสียงด้านความสวยงามแปลกตาของหลังคาบ้าน แบบญี่ปุ่นโบราณ  ซึ่งจะมีบรรยากาศที่เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาลทั้ง 4 เช่นกัน  โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่จะมีงานเทศกาลเปิดไฟส่องที่บ้านแต่ละหลังทำให้ยิ่งสวยงามมากยิ่งขึ้น


5. ทะเลสาบคาวากูชิโกะ(Lake Kawaguchiko)

ที่ตั้ง: จังหวัดยามานาชิ(Yamanashi) ภูมิภาคชูบุ(Chubu)

ทะเลสาบคาวากูจิโกะเป็นหนึ่งใน  5 ทะเลสาบที่อยู่รอบภูเขาไฟฟูจิแบบใกล้ๆ  แต่เป็นเพียงทะเลสาบแห่งเดียวที่สามารถเดินทางไปถึงได้ง่ายที่สุดในบรรดา 5  ทะเลสาบรอบภูเขาไฟฟูจิ  เพราะมีทั้งสถานีรถไฟและรถบัสตั้งอยู่ ทำให้เป็นแหล่งพักผ่อนตากอากาศยอดนิยมของชาวญี่ปุ่น  โดยเฉพาะชาวเมืองโตเกียว  โดยมีพื้นที่บริเวณชายฝั่งทิศตะวันออกของทะเลสาบเป็นที่พัก  และออนเซนที่สามารถมองเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิที่สวยงามได้อย่างชัดเจน


6. ปราสาทมัตสึโมโตะ(Matsumoto Castle)

ที่ตั้ง: เมืองมัตซุโมโต้(Matsumoto) จังหวัดนากาโน่(Nagano) ภูมิภาคชูบุ(Chubu)

ปราสาทมัตสึโมโตะเป็นปราสาทที่โดดเด่นมากที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุุ่น  เพราะเป็นปราสาทหลังดั้งเดิมที่ยังไม่เคยถูกทำลายมาก่อน  แต่กลับคงความสมบูรณ์และสวยงามของปราสาทเอาไว้ได้ ทั้งๆที่มีอายุมากกว่า  400 ปีแล้ว มีการใช้สีดำเพื่อให้ดูขลัง มีอาคารหอคอย 2  อาคารที่สร้างเชื่อมต่อกัน มีความสูง 6 ชั้น  รอบๆปราสาทจะมีสวนต้นซากุระที่จะออกดอกสวยงามในช่วงฤดูใบไม้ผลิ


7. ศาลเจ้ากลางทะเล อิสึกุชิมะ แห่งเกาะมิยาจิมะ(Miyajima Itsukushima Shrine)

ที่ตั้ง: เมืองฮิโรชิม่า(Hiroshima) ภูมิภาค ชูโกกุ(Chugoku)

ศาลเจ้าอิสึกุชิมะ  แห่งเกาะมิยาจิมะ หรือบางทีก็เรียกว่า ศาลเจ้ามิยาจิมะ  เป็นศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงโด่งดังจาก  อาคารศาลเจ้าและประตูโทริอิสีแดงขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางทะเล  จนดูเหมือนลอยอยู่ในน้ำในช่วงที่น้ำขึ้น  ในส่วนของศาลเจ้าจะประกอบไปด้วยหลายอาคาร เช่น อาคารภาวนา อาคารหลัก  และโรงละครโนะ  ซึ่งจะเชื่อมต่อกันด้วยทางระเบียงทางเดินที่มีเสาด้านล่างอยู่ในทะเลเพื่อรับน้ำหนัก  จึงเหมือนเป็นศาลเจ้าลอยน้ำ  ที่มีสีแดงตัดกับสีน้ำเงินของน้ำทะเลอย่างโดดเด่น


8. วัดคิโยะมิซุ หรือวัดน้ำใส(Kiyomizu-dera)

ที่ตั้ง: เมืองเกียวโต(Kyoto) ภูมิภาคคันไซ(Kansai)

วัดคิโยะมิซุ  หรือวัดน้ำใสเป็นหนึ่งในวัดที่ดังที่สุดของเมืองเกียวโต  ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก(UNESCO)  มีอาคารไม้ขนาดใหญ่ที่สร้างอยู่ริมภูเขาสูงจากพื้นถึง 13  เมตรโดยไม่ใช้ตะปูในการสร้างเลย  โดยจะมีระเบียงที่ยื่นออกไปสำหรับชมวิวเมืองเกียวโตได้ด้วย  นอกจากนี้ที่บริเวณทางเข้าของวัดยังมีถนนคนเดินที่มีบรรยากาศเมืองเก่าของเกียวโตให้เดินเล่นกันด้วย


9. สวนริมทะเลฮิตาชิ ซีไซด์ ปาร์ค (Hitachi Seaside Park)

ที่ตั้ง: จังหวัดอิบารากิ(Ibaraki) ภูมิภาคคันโต(Kanto)

สวนฮิตาชิ(Hitachi Park) เป็นสวนริมทะเลขนาดใหญ่   ที่มีชื่อเสียงด้านทุ่งดอกไม้ที่สวยงามอลังการมากที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น   โดยเฉพาะทุ่งต้นโคเชีย(Kochia)ที่โดยปกติจะมีสีเขียวก็สวยงามแปลกตาอยู่แล้ว  แต่พอเปลี่ยนเป็นสีแดงในช่วงฤดูใบไม้ร่วงก็ยิ่งสวยงามอลังการมากขึ้นไปใหญ่   นอกจากนี้ก็ยังมีทุ่งดอกไม้อย่างอื่นที่สวยงามอลังการไม้แพ้กันอีกหลายชนิดตามแต่ละช่วงเวลา  ตั้งอยู่ห่างจากโตเกียวไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 130 กิโลเมตร


10. ห้าแยกชิบูย่า และย่านชินจูกุ(Shinjuku)

ที่ตั้ง: จังหวัดโตเกียว(Tokyo) ภูมิภาคคันโต(Kanto)

บริเวณใจกลางเมืองโตเกียวเป็นแลนมาร์คของความเป็นมหานครยุคใหม่ของญี่ปุ่นอย่างแท้จริง   โดยเฉพาะบริเวณห้าแยกชิบูย่าที่กลายเป็นสัญญลักษณ์สำคัญจุดหนึ่งของเมืองโตเกียว   รวมไปถึงย่านช้อปปิ้งกลางเมืองอย่างชินจูกุที่เป็นหนึ่งในย่านชื่อดังของเมืองโตเกียว  ที่มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนกันมาหลักหลายล้านคนในแต่ละปี


11. ย่านโดทงโบริ (Dotonbori)

ที่ตั้ง: เมืองโอซาก้า(Osaka) ภูมิภาคคันไซ(Kansai)

โดทงบูริ หรือ ดงโทบุริ  เป็นย่านกลางคืนที่คึกคักมากที่สุดของเมืองโอซาก้า  ที่มีสัญญลักษณ์ของเมืองนี้อยู่ นั่นก็คือป้ายปูยักษ์  และป้ายนักวิ่งกูลิโกะ โดยจะมีแม่น้ำอยู่ตรงกลาง  ซึ่งรอบๆก็จะมีแหล่งช้อปปิ้งมากมายเรียงรายกันไปแทบทุกทิศทุกทางเลย  เรียกได้ว่าถ้าไม่ได้มาแถวนี้ก็เหมือนยังมาไม่ถึงโอซาก้านั่นเอง


12. วัดเซนโซจิ หรือ วัดอาสากุซะ หรือวัดโคมแดง

ที่ตั้ง: เมืองโตเกียว(Tokyo) ภูมิภาคคันโต(Kanto)

วัดเซนโซจิเป็นวัดชื่อดังที่สุดของเมืองโตเกียว  อยู่ที่ย่านอาสากุซะ มีสัญญลักษณ์เป็นโคมสีแดงขนาดใหญ่ที่ประตูทางเข้า  มีถนนด้านหน้าวัดที่เต็มไปด้วยร้านรวงขายขนมและของที่ระลึก  เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีคึกคักมากตลอดทั้งวันของเมืองโตเกียว


13. ตลาดปลาซึกิจิ(Tsukiji Fish Market)

ที่ตั้ง: เมืองโตเกียว(Tokyo) ภูมิภาคคันโต(Kanto)

ตลาดปลาซึกิจิ  เป็นตลาดค้าส่งปลา, อาหารทะเล, ผักและผลไม้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น  ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโตเกียว  รวมทั้งยังมีชื่อเสียงว่าเป็นหนึ่งในตลาดปลาที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วย  เนื่องจากมีการซื้อขายสินค้าทะเลกว่า 2000 ตันต่อวัน  จึงเหมาะกับการมาเดินชมบรรยากาศของตลาดแบบญี่ปุ่นชิมอาหารหรือซื้อของฝากจากทะเล  โดยเฉพาะซูชิทั้งหลาย  นอกจากนี้ยังมีการประมูลปลาทูน่าที่เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่ด้วย


14. โตเกียว ดิสนีย์แลนด์(Tokyo Disneyland) และโตเกียวดิสนีย์ซี(Tokyo Disney Sea)

ที่ตั้ง: เมืองชิบะ(Chiba)ที่อยู่ติดกับโตเกียว ภูมิภาคคันโต(Kanto)

โตเกียวดิสนีย์แลนด์   เป็นสวนสนุกชื่อดังที่มีปริมาณนักท่องเที่ยวเข้าใช้บริการมากที่สุดของประเทศญี่ปุ่น  ในปี 2013 มีจำนวนมากถึง 17.3 ล้านคน มากเป็นอันดับ 2 ของโลก  จึงเป็นตัวการันตีถึงความเจ๋งของที่นี่ได้เป็นอย่างดี


15. กำแพงหิมะทาเทยาม่า คุโรเบะ(Tateyama Kurobe Alpine)

ที่ตั้ง: เมืองโทยาม่า(Toyama) ภูมิภาคชูบุ(Chubu)

กำแพงหิมะทาเทยาม่า  คุโรเบะ หรือ Snow Wall จะเกิดจากการทับถมของหิมะที่สูงมากถึง 20  เมตรเลยทีเดียว  โดยจะเกิดปรากฏการณ์นี้เฉพาะในฤดูใบไม้ผลิช่วงประมาณกลางเดือนเมษายน-กลางเดือนมิถุนายนของทุกปี   ซึ่งในพื้นที่ส่วนอื่นๆของญี่ปุ่นถือว่าเป็นฤดูใบไม้ผลิที่ดอกไม้ต่างจะบานสะพรั่งกันอย่างสวยงาม   นอกจากนี้บริเวณนี้ยังสามารถเข้าชมในฤดูอื่นๆที่จะมีความสวยงามแตกต่างกันไปด้วย เช่นการชมใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง  และการชมทุ่งดอกไม้ในฤดูร้อน


16. พิพิธภัณท์สัตว์น้ำ โอซาก้า(Kaiyukan Osaka Aquarium)

ผู้สนับสนุน

ที่ตั้ง: เมืองโอซาก้า(Osaka) ภูมิภาคคันไซ(Kansai)

พิพิธภัณท์สัตว์น้ำ โอซาก้าเป็นหนึ่งในสวนสัตว์น้ำที่ดีที่สุดของประเทศญี่ปุ่นเหมาะกับการใช้เวลาดูสัตว์น้ำที่นี่ซักครึ่งวัน  หรือถ้ามีความสนใจอยู่แล้ว อาจจะอยู่ได้เกือบทั้งวันเลยทีเดียว  ภายในมีสิ่งที่น่าสนใจอยู่หลายอย่างโดยเฉพาะแท้งค์ยักษ์ที่มีฉลามวาฬอาศัยอยู่


17. ทุ่งดอกลาเวนเดอร์ที่ ฟาร์มโทมิตะ (Tomita Farm)

ที่ตั้ง: เมืองฟูราโน่(Furano) ภูมิภาคฮอกไกโด(Hokkaido)

ที่ภูมิภาคฮอกไกโด  จะนิยมปลูกดอกไม้กันในช่วงฤดูร้อน โดยเฉพาะดอกลาเวนเดอร์  ที่ปลูกกันมานานเกือบ 100 ปีแล้ว  และจุดชมทุ่งดอกลาเวนเดอร์ที่ดีที่สุดของฮอกไกโดคือที่ ฟาร์มโทมิตะ(Farm Tomita)  ซึ่งมีวิวทิวทัศที่สวยงามจากฉากหลังเป็นภูเขาโทกะชิ(Tokachi mountain)  ที่เปิดให้เข้าชมฟรีอย่างอิสระ ใกล้ๆกับทุ่งดอกไม้ยังมีร้านกาแฟ  ร้านค้าจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากลาเวนเดอร์อีกด้วย


18. สวนเค็นโรคุเอ็น(Kenrokuen Garden)

ที่ตั้ง: เมืองคานาซาวะ(Kanazawa) จังหวัดอิชิคาว่า(Ishikawa) ภูมิภาคชูบุ(Chubu)

สวนเค็นโรคุเอ็นเป็นสวนที่มีความสวยงามติดหนึ่งใน  3 สวนสวยของประเทศญี่ปุ่น  เป็นสวนขนาดใหญ่ที่ภายในมีการจัดแต่งสวนแบ่งออกเป็น 6 แบบด้วยกัน  มีการใช้เทคนิคขั้นสูงหลายอย่างตามสวนสไตล์เซน  รวมทั้งสวนนี้จะสวยงามเป็นพิเศษในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่จะเห็นต้นไม้สีแดงภายในสวนที่ถูกเลือกในตำแหน่งที่ลงตัวมากด้วย


19. สวนกวางนารา(Nara Park)

ที่ตั้ง: เมืองนารา(Nara) ภูมิภาคคันไซ(Kansai)

สวนนารา  เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ของในตัวเมืองนาราที่รวมเอาแหล่งท่องเที่ยวหลักๆของเมืองมาอยู่ในบริเวณเดียวกันนี้หลายแห่งด้วยกัน   แต่หนึ่งในไฮไลท์สำคัฐของที่นี่ก็คือเหล่ากวางน้อยที่เดินกันอยู่เต็มสวนเลยทีเดียว  ซึ่งในบริเวณนี้จะมีร้านขนมเซมเบ่  สำหรับเลี้ยงกวางที่จะเดินตามมากินอาหารของเราด้วย


20. สวนลิงจิโกคุดานิ(Jigokudani Yaen Park)

ที่ตั้ง: เมืองนากาโน่(Nagano) ภูมิภาคชูบุ(Chubu)

สถานที่สำหรับดูลิงแช่ออนเซนท่ามกลางหิมะที่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวแปลกของญี่ปุ่น  ตั้งอยู่กลางหุบเขาจิโกคุดานิ มีบ่อน้ำที่สร้างขึ้นสำหรับเจ้าลิงทั้งหลาย  ซึ่งจากประตูทางเข้าสวนเดินเข้าไปเพียง 5 นาที  นักท่องเที่ยวจะพบเห็นลิงตลอดเส้นทางที่ไปยังสระน้ำ  โดยพวกมันจะจับกลุ่มกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ มีความคุ้นเคยกับมนุษย์  แต่อย่างไรก็ตามห้ามเข้าไปจับหรือให้อาหารโดยเด็ดขาด


21. ภูเขาไฟฟูจิ Mt. Fuji (Shizuoka/Yamanashi)

ที่ตั้ง: จังหวัดชิซุโอกะ(Shizuoka) และจังหวัดยามานาชิ(Yamanashi)

ภูเขาไฟฟูจิเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กหลักของประเทศญี่ปุ่น  และยังเป็นภูเขาที่สูงที่สุดด้วย มีขนาดใหญ่  มองเห็นได้จากระยะทางไกลหลายร้อยกิโลเมตร  ทำให้การเที่ยวภูเขาไฟฟูจิแบบที่ต้องการวิวฟูจิ จึงกินอาณาบริเวณกว้างมาก  แต่แหล่งท่องเที่ยวหลักๆจะอยู่ที่ทะเลสาบทั้ง 5 ของภูเขาไฟฟูจิ(Fuji  Kawagushiko) และทะเลสาบเมืองฮาโกเน่(Hakone Lake)  หรือไม่งั้นก็จะเป็นกิจกรรมการปีนภูเขาไฟฟูจิที่เป็นที่นิยมมากเช่นกัน


22. เกาะภูเขาไฟซากุระจิมะ(Sakurajima)

ที่ตั้ง: จังหวัดคาโกชิม่า(Kagoshima) และภูมิภาคคิวชู(Kyushu)

ภูเขาไฟซากุระจิมะ  เป็นหนึ่งในภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่มากที่สุดลูกหนึ่งของญี่ปุ่น  เป็นเกาะที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟใต้ทะเล  และจากการระเบิดครั้งใหญ่อีกครั้งเมื่อปี 1914  ทำให้เกาะเชื่อมต่อกับแผ่นดินอีกฝั่งของคาบสมุทรโอซุมิ  แม้แต่ในปัจจุบันก็ยังคงมีการปะทุให้เห็นเป็นกลุ่มควันและขี้เถ้าอยู่เรื่อยๆตลอดเวลา  บางครั้งถึงกับปกคลุมไปทั่วทั้งเมืองคาโกชิมะเลยทีเดียว


23. เมืองชนบท อาราชิยาม่า(Arashiyama)

ที่ตั้ง: เมืองเกียวโต(Kyoto) ภูมิภาคคันไซ(Kansai)

เมืองชนบทอาราชิยาม่าเป็นเมืองเล็กๆที่อยู่ทางทิศตะวันตกของตัวเมืองเกียวโต   ที่มีเสน่ห์อยู่ที่ความลงตัวระหว่างความสวยงามทางธรรมชาติและบ้านเมืองตามชนบทของญี่ปุ่น  มีแหล่งท่องเที่ยวฮิตๆคือ วัด ศาลเจ้า ป่าไผ่ สวนลิง  และการนั่งรถไฟชมวิวในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ที่เรียกกันว่า Sagano Romantic  Train


24. เทือกภูเขาไฟอะโซะ(Aso Mountain)

ที่ตั้ง: จังหวัดคุมาโมโต้(Kumamoto) และจังหวัดโออิตะ(Oita) ภูมิภาคคิวชู(Kyushu)

ภูเขาไฟอะโซะ(Aso   Mountain)เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่น่าตื่นตามากอีกแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น  ที่มีสภาพเป็นเนินเขา ทุ่งหญ้า กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา  ทำให้มีจุดชมวิวที่สวยงามอยู่มากมาย  ที่บริเวณตอนกลางของภูเขาอะโซะจะมีปากปล่องที่ยังไม่ดับ  จะมีน้ำอยู่ภายในที่มีไอเดือดอยู่ตลอดเวลา สามารถนั่งกระเช้าขึ้นไปชมได้


25. สวนและพิพิธภัณท์สันติภาพฮิโรชิม่า Hiroshima Peace Park

ที่ตั้ง: เมืองฮิโรชิม่า(Hiroshima) ภูมิภาคชูโกกุ(Chugoku)

สวนสันติภาพฮิโรชิม่าเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่กินพื้นที่ประมาณ 120,000 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ใจกลางเมืองฮิโรชิม่า(Hiroshima)ที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศเป็นอนุสรณ์สถานให้กับการทิ้งระเบิดปรมาณูเมื่อสงครามโลกครั้งที่  2 และพิพิธภัณฑ์ซึ่งประกอบไปด้วย 2  ส่วนหลักๆคือส่วนที่จะจัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเมืองฮิโรชิม่า  และอีกส่วนจะเกี่ยวกับการถูกทิ้งระเบิด  ซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่เกิดขึ้นกับมนุษย์โดยละเอียด  และเนื่องจากญี่ปุ่นเป็นเพียงประเทศเดียวในประวัติศาสตร์มนุษย์ที่เคยถูกทิ้งระเบิดนิวเคลีย  จึงเป็นที่สนใจคนผู้คนทั่วโลกที่เดินทางมาที่นี่


26. ย่านฮาราจูกุ(Harajuku)

ที่ตั้ง: จังหวัดโตเกียว(Tokyo) ภูมิภาคคันโต(Kanto)

ย่านฮาราจูกุ(Harajuku)  เป็นย่านแฟชั่นแปลกหลากสไตล์ของบรรดาเหล่าวัยรุ่น ชิคๆ เก๋ๆ  ที่มีให้ดูกันเพียบ ย่านนี้อยู่ระหว่างชินจูกุและชิบูย่า  เป็นเหมือนศูนย์รวมของวันรุ่นญี่ปุ่นที่มีสไตล์การแต่งตัวและแฟชั่นที่จัดจ้านไม่ซ้ำใคร  ถนน Takeshita Dori เส้นนี้จะเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านเสื้อผ้าแฟชั่น  ขนมเครปและร้านอาหาร ซึ่งเป็นเหมือนจุดนัดพบและเดินเล่นของบรรดาเหล่าวัยทีน  ที่แต่งตัวแบบคอสเพลย์, แต่งตามตัวการ์ตูนแอนนิเมะ  หรือเป็นแนวพังค์ก็พบได้ที่ย่านนี้


27. ลานสกีในญี่ปุ่น

ประเทศญี่ปุ่นนั้นมีหิมะตกได้ในหลายพื้นที่เกือบทั่วประเทศ  จึงทำให้มีสกีรีสอร์ทกระจายตัวกันอยู่หลายร้อยแห่ง  อีกทั้งประเทศญี่ปุ่นยังถูกจัดว่ามีหิมะที่คุณภาพสูง(Powder Snow)  จึงไม่แปลกที่นักท่องเที่ยวมากมายจะเลือกเดินทางมาเล่นสกีกันที่นี่  โดยสกีรีสอร์ทที่ได้รับการโหวตว่ามีคุณภาพของหิมะสูงโดยเฉพาะที่เกาะฮอกไกโด  เช่น Niseko, Rusutsu, Kiroro, และ Asahidake แต่ก็ไม่ใช่ว่าในภูมิภาคอื่นๆจะด้อยกว่าเพราะแต่ละแห่งก็จะมีจุดเด่นเฉพาะตัวอยู่  ไม่ว่าจะเรื่องขนาดของลานสกี หรือความยากง่ายในการเดินทางไป  เอาเป็นว่าใกล้ที่ไหนไปที่นั่นก็ไม่น่าจะผิดพลาดแต่อย่างใด


28. ย่านมินาโตะ มิเรอิ (Minato Mirai)

ที่ตั้ง: เมืองโยโกฮาม่า(ํYogohama) ภูมิภาคคันโต(Kanto)

ย่านมินาโตะ  มิเรอิ  เป็นย่านริมทะเลของเมืองโยโกฮาม่าซึ่งเป็นเมืองท่าหลักที่อยู่ใกล้กับเมืองหลวงโตเกียว  ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็น landmark  หลักของเมืองโยโกฮาม่าไปแล้ว ด้วยตึกสูงรูปทรงสวย  ที่ตั้งตระหง่านริมทะเลอยู่มากมาย  ที่ให้บรรยากาศระหว่างความเก่าและใหม่ผสมกันอย่างลงตัว


29 ป้อมดาวห้าแฉก โงเรียวกาคุ (Fort Goryokaku)

ที่ตั้ง: เมืองฮาโกดาเตะ(Hakodate) ภูมิภาคฮอกไกโด(Hokkaido)

ป้อมโงเรียวกาคุ  หรือ “ป้อมดาว 5 แฉก”  เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่รูปดาวเนื่องจากต้องการเพิ่มพื้นที่ในการวางปืนใหญ่นั่นเอง  ซึ่งจะมองเห็นได้จากมุมสูง เป็นป้อมสร้างตามสไตล์ตะวันตก  สร้างขึ้นในปีสุดท้ายของสมัยเอโดะ  ปัจจุบันเป็นสวนสาธารณะเชิงประวัติศาสตร์ที่มีความสวยงามแตกต่างกันไปทั้ง 4  ฤดู มีทั้งดอกซากุระบาน ความเขียวชอุ่มของใบไม้  สีเหลืองแดงของช่วงใบไม้เปลี่ยนสี และความขาวโพลนของหิมะในฤดูหนาว


30. สวนสนุกยูนิเวอแซล สตูดิโอ Universal Studio Japan

ที่ตั้ง: จังหวัดโอซาก้า(Osaka) ภูมิภาคคันไซ(Kansai)

สวนสนุก USJ  เป็นสวนสนุกแห่งแรกของยูนิเวอร์ซัล สตูดิโอส์ ที่เปิดในเอเชีย  และเป็นสวนสนุกที่มีคนมาเที่ยวมากเป็นอันดับสองของญี่ปุ่น รองจาก Tokyo  Disney Resort และยังมีโซนเครื่องต่างๆมากมายที่อัพเดตต่อเนื่องตลอดเวลา  ล่าสุดก็คือโซนแฮร์รี่ พอตเตอร์


31. ศาลเจ้าเมจิ จิงกู (Meiji-jingu Shrine)

ที่ตั้ง: ย่านฮาราจูกุ(Harajuku) เมืองโตเกียว(Tokyo) ภูมิภาคคันโต(Kanto)

ศาลเจ้าเมจิ จิงกูเป็นศาลเจ้าเก่าแก่  และมีชื่อเสียงมากที่สุดของเมืองโตเกียว อยู่ติดกับสถานีรถไฟฮาราจูกุ  มีพื้นที่สวนล้อมรอบขนาดใหญ่เหมือนกับเป็นป่าใจกลางเมือง  ว่ากันว่าภายในมีต้นไม้อยู่มากกว่า 1 แสนต้น  ชาวเมืองโตเกียวจะนิยมมาไหว้พระขอพรกันที่ศาลเจ้าแห่งนี้  โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลต่างๆเช่น วันปีใหม่


32. วัดซันจูซันเก็นโด หรือวัดเจ้าแม่กวนอิมพันมือ (Sanjusangendo Temple)

ที่ตั้ง: เมืองเกียวโต(Kyoto) ภูมิภาคคันไซ(Kansai)

วัดซันจูซันเก็นโดเป็นวัดเก่าแก่อายุกว่าพันปี  อยู่ทางตะวันออกของเมืองเกียวโต  ภายในวัดมีพระพุทธรูปของเจ้าแม่กวนอิมพันมือ ขนาดเท่าคนจริง จำนวนมากถึง  1001  องค์ตั้งวางเรียงรายอยู่ภายในวิหารที่เป็นอาคารไม้แบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น


33. พิพิธภัณฑ์ระเบิดปรมาณูนางาซากิ(Nagasaki Atomic Bomb Museum)

ที่ตั้ง: จังหวัดนางาซากิ(Nagasaki) ภูมิภาคคิวชู(Kyushu)

พิพิธภัณฑ์ระเบิดปรมาณูนางาซากิเป็นอีกหนึ่งแหล่งศึกษาเกี่ยวกับผลของสงครามและระเบิดนิวเคลีย  มีการจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้  และรูปถ่ายของสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนและหลังการถูกทิ้งระเบิดปรมาณู  และด้วยความที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นเพียงประเทศเดียวในโลกที่เคยถูกทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ทำให้เป็นที่สนใจของคนทั่วโลกไปด้วย


34. ปราสาทนิโจ(Nijo Castle)

ที่ตั้ง: เมืองเกียวโต(Kyoto) ภูมิภาคคันไซ(Kansai)

ปราสาทนิโจเป็นปราสาทที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก(UNESCO)  ที่จริงน่าจะเรียกว่าพระราชวังมากกว่า  เพราะไม่ได้เป็นหอคอยแบบปราสาทอื่นๆของประเทศญี่ปุ่น  ตั้งอยู่ใกล้กับใจกลางของเมืองเกียวโต  ภายในมีการจัดแสดงห้องต่างๆของจักรพรรดิญี่ปุ่น  รวมทั้งสวนสไตล์ญี่ปุ่นที่สวยงามให้ชมกันด้วย


35.  พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชุราอูมิ(Churaumi Aquarium)

ที่ตั้ง: เกาะโอกินาว่า

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชุราอูมิได้ชื่อว่าเป็นพิพิธภัณท์สัตว์น้ำที่ดีที่สุดในประเทศญี่ปุ่น  มีแท้งค์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก  ที่ภายในนอกจากจะมีปลาทะเลหายากมากมายแล้ว ยังมีปลาฉลามวาฬอยู่ถึง 3  ตัวด้วยกัน


36. คิบูเนะ(Kibune)

ที่ตั้ง: จังหวัดเกียวโต(Kyoto), ภูมิภาคคันไซ(Kansai)

คิบูเนะเป็นเมืองชนบทเล็กๆที่อยู่ในภูเขาทางตอนเหนือของเกียวโต  มีชื่อเสียงด้านความงามตามธรรมชาติที่ผสานกับศิลปะและวัฒนธรรมของญี่ปุ่น  โดยมีศาลเจ้าคิบูเนะที่มีชื่อเสียงตั้งอยู่ด้วย  มีชื่อมาจากตำนานที่ว่าเทพเจ้าได้เดินทางจากเมืองโอซาก้าโดยใช้เรือสีเหลือง  ล่องตามแม่น้ำขึ้นมาที่ภูเขาทางเหนือของเกียวโต  และมาถึงปลายทางที่เมืองแห่งนี้ จึงเรียกตั้งชื่อเมืองตามตำนานว่า คิบูเนะ  หรือ เรือสีเหลือง


37. วัดโทไดจิ(Todaiji)

ที่ตั้ง: เมืองนารา(Nara) ภูมิภาคคันไซ(Kansai)

วัดโทไดจิหรือวัดพระใหญ่แห่งเมืองนารา  เป็นวัดพุทธที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุดของเมืองนารา มีอายุมากกว่า  1,300 ปี อีกทั้งอาคารวิหารหลักยังเป็นอาคารไม้ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกด้วย  โดยที่ภายในก็จะเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นอีกต่างหาก   นอกจากนี้ที่ด้านหน้าประตูทางเข้าวัดจะมีกวางน้อยมารอกินอาหารอีกฝูงใหญ่เลยทีเดียว


38. ตลาดนิชิกิ (Nishiki Market)

ที่ตั้ง: ตัวเมืองเกียวโต(Kyoto) ภูมิภาคคันไซ(Kansai)

ตลาดนิชิกิเป็นตลาดที่รวมเอาอาหารหลากหลายประเภท  ทั้งของสด  และของหมักดองจนได้ชื่อว่าเป็นครัวหลักของเมืองเกียวโต เป็นตลาดที่คนท้องถิ่นจะมาแวะจับจ่ายใช้สอยกัน   จึงอาจจะไม่มีร้านค้าเช่นของฝากของที่ระลึกมากนักแต่จะได้บรรยากาศของตลาดญี่ปุ่นอย่างแท้จริง


39.สวนชินจูกุเงียวเอน(Shinjuku Gyoen) 

ที่ตั้ง: เมืองโตเกียว(Tokyo) ภูมิภาคคันโต(Kanto)

สวนชินจูกุเงียวเอนเป็นสวนสาธารณะที่มีขนาดใหญ่ที่ของเมืองโตเกียวตั้งอยู่ใจกลางเมืองย่านชินจูกุ  มีชื่อเสียงที่สุดในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่จะมีดอกซากุระบานสะพรั่งเต็มสวน  กลายเป็นหนึ่งในจุดชมซากุระยอดนิยมของชาวโตเกียว


40. เกาะร้างฮาชิมะ (Hashima Island, 軍艦島)

ที่ตั้ง: จังหวัด นางาซากิ(Nagasaki), ภูมิภาคคิวชู(Kyushu)

ถึงจะเป็นเกาะร้างแต่ก็มีชื่อเสียงและมีหนังดังๆหลายเรื่องมาถ่ายทำหรือใช้เป็นแรงบันดาลใจในหนัง เช่น 007 Skyfall
(2013) และ หนังผีไทย ฮาชิมะโปรเจค โดยได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย  UNESCO ด้วย  โดยเคยเป็นเหมืองแร่ถ่านหินที่มีคนงานอยู่หลายหมื่นคนจนสร้างเมืองขึ้นมาบนเกาะแต่ถูกทิ้งร้างเอาไว้เมื่อเหมืองปิดตัวลงตั้งแต่ปี  1974


เป็นยังไงกันบ้าง  หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คนที่กำลังวางแผนจะไปเที่ยวญี่ปุ่นพอจะเห็นภาพกันได้บ้างว่าสถานที่ท่องเที่ยวฮิตๆของประเทศญี่ปุ่นมีอะไรกันบ้าง  และอยู่ที่ไหนบ้าง

แชร์บอกให้เพื่อนคุณรู้

คอมเม้น

0 คอมเม้น
Other Review by kirijung kawasaki

กฎการรีวิว

People who love what they do help
you get everything done at an
unbeatable value.

รีวิวโดยทีมงาน RP

What do you do best? Create your
Gig and start selling. It’s free, and
only takes 5 minutes.

ร่วมกิจกรรม

Your safety is our top priority. Secure
transactions and our safety team
protect you at all times.
เข้าสู่
ระบบ
เขียน
รีวิว
รีวิว
อัพเดท
Top 10
รีวิว
TOP
ติดต่อทีมงานเพื่อ
แนะนำรีวิวน่าสนใจ